อุตสาหกรรมยานยนต์ รอลุ้นมาตรการสิทธิประโยชน์ Battery Cell Production หรือแบตเตอรี่รถ EV จากรัฐภายใต้เงื่อนไขใหม่ หลังแห้วถูกดึงออกจากแพ็กเกจอีวี 3.5
วันที่ 5 ธันวาคม 2566 ดร.พิมพา ลิ้มทองกุล ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมพลังงาน ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (ENTEC) กล่าวภายในงานสัมมนา “อนาคตอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย วิกฤตหรือโอกาส (Crisis or Opportunity)” ว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยพร้อมที่จะเข้าสู่เทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ หรือการเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ (BEV) ซึ่งจะเห็นค่ายรถทั้งหมดเร่งการผลิต EV ส่งผลให้ยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าปี 2566 ยอดจดทะเบียนรถ EV จะถึง 60,000 คัน อย่างแน่นอน
- ร้อนทะลุ-โลกเดือด “เอลนีโญ” ถึง “ลานีญา” ถล่มประเทศไทย
- กดเงินไม่ใช้บัตร ATM พุ่ง 3 เท่า แห่เปิดใช้ข้ามแบงก์-เพิ่มค่าฟี
- ธ.ก.ส. เผย สินเชื่อดอกเบี้ยล้านละร้อย เหลือวงเงินกู้อีก 1.5 หมื่นล้าน
อย่างไรก็ตาม การเกิดขึ้นของรถ EV สิ่งที่จะตามมาคือแบตเตอรี่ ซึ่งขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งที่จะกำหนดสิทธิประโยชน์ให้กับแบตเตอรี่เพื่อเก็บพลังงานไฟฟ้า (Battery Cell Production) หรือแบตเตอรี่ EV ภายใต้แพ็กเกจ EV 3.5
“BEV คือรถไฟฟ้าที่ใช่แบตเตอรี่แทนน้ำมัน ซึ่งราคาแบตจะประมาณ 40-50% ของราคารถไปแล้ว ตอนนี้ดีมานด์ทั่วโลกการใช้ EV พุ่งขึ้น ทำให้ตลาดแบตเตอรี่ทั่วโลกโตไปด้วยถึง 30% มูลค่าหลายแสนล้านบาท มันจึงเกิดการเข้ามาลงทุน
รัฐกำลังจะให้สิทธิประโยช์แบตเตอรี่ Cell Production หลังจากแห้วในแพ็กเกจ 3.5 ซึ่งรัฐเองรับปากที่จะทำให้ แต่ขอให้จบเรื่องสิทธิประโยชน์ตัวรถที่จะผลิตก่อน”
ซึ่งก่อนหน้านี้ ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) ครั้งที่ 1/2566 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา ได้พิจารณามาตรการสนับสนุนการผลิตแบตเตอรี่ไปแล้ว ด้วยการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีสรรพสามิตจาก 8% ลดเหลือ 1% รวมทั้งมาตรการที่สำคัญคือ การให้เงินสนับสนุนวงเงิน 24,000 ล้านบาท สำหรับการผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์ในประเทศไทย แต่มาตรการดังกล่าวเป็นสิทธิประโยชน์ที่อยู่ในแพ็กเกจอีวี 3.0