เกษตรกร ขอบคุณนายกเศรษฐา หลัง ครม.ประกาศนำเข้า “กากถั่วเหลือง ปี 2567” ทันเวลา ช่วยภาคผลิตปศุสัตว์-สัตว์น้ำไม่สะดุด
วันที่ 26 ธันวาคม 2566 นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล เลขาธิการสมาพันธ์ปศุสัตว์และเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ กล่าวว่าในนามของภาคการผลิตปศุสัตว์และสัตว์น้ำขอขอบคุณ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รวมถึง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
- พระราชประวัติ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ วันคล้ายวันประสูติ 29 เมษายน
- “มะพร้าว” ราคาพุ่งเป็นประวัติการณ์ ลูกเดียว 65-80 บาท เกิดอะไรขึ้น?
- กองทุนประกัน อนุมัติจ่ายเงิน 7.29 พันล้าน มี.ค.-เม.ย. รับรองมูลหนี้เพิ่ม 560 ล้าน
ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกท่านที่กรุณารับฟังปัญหาพร้อมดำเนินการแก้ไขทันที โดยการนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ (26 ธ.ค. 2566) ทำให้สามารถออกประกาศนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ 3 ประเภท ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กากถั่วเหลือง และปลาป่น ปี 2567 ในราชกิจจานุเบกษาได้ทันเวลา
“การนำเข้ากากถั่วเหลืองซึ่งเป็นวัตถุดิบต้นน้ำของห่วงโซ่การผลิตอาหารจะสามารถดำเนินไปได้ตามปกติ ทำให้ประเทศไทยยังรักษาขีดความสามารถทางการแข่งขันในตลาดโลกได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในด้านการส่งออกอาหารทั้งไก่และกุ้ง ขณะที่ผู้บริโภคภายในประเทศก็คลายกังวลเรื่องผลกระทบด้านปริมาณอาหารและราคาลง” นายพรศิลป์กล่าว
นายคึกฤทธิ์ อารีปกรณ์ ผู้จัดการสมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทย เผยว่าการประกาศนำเข้ากากถั่วเหลือง ปี 2567 ของรัฐบาลในการประชุม ครม.นัดสุดท้ายของปีนี้ นับว่าแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เฉียดฉิวทันเวลา ซึ่งต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม การประกาศนำเข้าแบบปีต่อปีซึ่งถอยกลับไปเหมือนสมัยก่อน ก็กังวลว่าจะเป็นอุปสรรคและปัญหาต่อการวางแผนการผลิตของภาคปศุสัตว์ เพราะมีความไม่แน่อนด้านวัตถุดิบ ทางที่ดีก็ควรจะเป็นการประกาศทุก 3 ปีเช่นเดิม
ด้านนายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่าในฐานะเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูทั่วประเทศ ขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี ที่ช่วยคลี่คลายปัญหาการประกาศนำเข้ากากถั่วเหลืองอย่างทันเวลา ก่อนจะเกิดความเสียหาย
พร้อมย้ำว่าเกษตรกรทุกคนตั้งใจเดินหน้าผลิตอาหารปลอดภัยเพื่อผู้บริโภค แต่ต้องยอมรับว่า ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์เป็นต้นทุนหลักของเกษตรกร ขณะที่บางมาตรการของรัฐกลับยิ่งทำให้ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น กลายเป็นอุปสรรคในการเลี้ยงสัตว์ของเกษตรกรไทย เช่น มาตรการนำเข้าข้าวสาลี 3:1 หรือ การเก็บภาษีวัตถุดิบนำเข้า อาทิ ภาษีกากถั่วเหลือง 2%, ภาษีกากเบียร์ (DDGS) 9% และภาษีปลาป่น 15% ซึ่งรัฐควรยกเลิกมาตรการเหล่านี้ เพื่อช่วยสนับสนุนให้เกษตรกรไทยมีต้นทุนที่ต่ำลง มีแรงประกอบอาชีพเกษตรกรต่อไป
นายบรรจง นิสภวาณิชย์ ประธานสมาพันธ์การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทย ที่กล่าวขอบคุณ นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความเข้าใจและเมตตาเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ปลา ช่วยแก้ปัญหานำเข้ากากถั่วเหลือง ตามที่เกษตรกรร้องขอ ทำให้เกษตรกรผ่อนคลายความกังวลที่ไทยจะไม่เกิดการขาดแคลนกากถั่วเหลือง ซึ่งเป็นวัตถุดิบโปรตีนสำคัญสำหรับสัตว์น้ำ และจะช่วยให้กุ้งและสัตว์น้ำไทยสามารถไปต่อสู้และแข่งขันได้ในตลาดโลก