WHA ทุ่มเงินลงทุนเฉียด 8 หมื่นล้าน เปิดกลยุทธ์ที่จะทำให้ผลประกอบการทะลุนิวไฮอีกปี

ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA Group) เปิดแผนกลยุทธ์ปี 2567 เปิดเงินลงทุน 5 ปี 78,700 ล้านบาท โชว์ 4 กลุ่มธุรกิจหลัก มุ่งสู่การเป็น Tech Company ด้านผลประกอบการปี 2566 ทำสถิตินิวไฮเป็นปีที่ 2 กำไร 17,200 ล้านบาท

วันที่ 31 มกราคม 2567 นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA กล่าวว่า ในปี 2567 นี้ บริษัทได้จัดสรรงบลงทุนภายใน 5 ปี (2567-2571) ที่ 78,700 ล้านบาท เพื่อผลักดันรายได้รวม 5 ปี ให้แตะสู่ระดับ 100,000 ล้านบาท ควบคู่กับการบรรลุเป้าหมายภายใต้พันธกิจ WHA:WE SHAPE THE FUTURE ในการสร้าง สังคม สิ่งแวดล้อม ตลอดจนพัฒนาประเทศชาติอย่างยั่งยืน

ส่วนแผนการดำเนินงานปี 2567 ที่จะทำให้ผลประกอบการนิวไฮได้อีกเป็นครั้งที่ 3 นั้น ด้วยการเดินหน้าพัฒนาโซลูชันทางธุรกิจและอุตสาหกรรมเพื่อเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ดึงดูดการลงทุนใหม่ๆ และร่วมสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้ประเทศไทย โดยมีภารกิจสำคัญคือการบรรลุเป้าหมายที่จะเป็น Technology Company อย่างเต็มตัว ด้วยกลยุทธ์ AI Transformation องค์กรที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัล และต่อยอดโครงการ Digital Transformation ที่มีอยู่กว่า 38 โครงการ

ซึ่ง 4 กลยุทธ์สำคัญ ประกอบด้วย 1.Extend Leadership เร่งขยายธุรกิจต่อเนื่องทั้งในประเทศและตลาดภูมิภาค 2.Embrace Innovation and Technology นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาสร้างสรรค์ธุรกิจใหม่ ๆ ที่เป็น New S-curve ให้กับองค์กร 3.Enhance the Prominence on Green and Sustainability ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ในปี 2593 (Net-Zero 2050) และ 4.Build High-Performance Organization ยกระดับด้านเทคโนโลยีดิจิทัลให้เป็นองค์กรสมรรถนะสูง

จรีพร จารุกรสกุล

โดยธุรกิจโลจิสติกส์ ตั้งเป้าส่งมอบโครงการและสัญญาใหม่เพิ่มขึ้น 200,000 ตร.ม. ทั้งไทยและเวียดนามจะทำให้มีสินทรัพย์รวมภายใต้กรรมสิทธิ์และการบริหารเพิ่มถึง 3,145,000 ตร.ม. นอกจากนี้ ยังมีแผนการขายสิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHART และ WHAIR รวมทั้งสิ้นประมาณ 213,000 ตร.ม. คิดเป็นมูลค่ากว่า 5,290 ล้านบาท

ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม มีโครงการพัฒนานิคมใหม่และขยายนิคมในประเทศไทยรวม 7 โครงการ บนพื้นที่รวมเกือบ 10,000 ไร่ ในช่วง 4 ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้มีพื้นที่รวมกว่า 52,000 ไร่ ในปี 2570 ในประเทศเวียดนาม เขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 1-เหงะอาน อยู่ระหว่างการพัฒนาเฟส 2 และมีแผนกขยายเขตอุตสาหกรรมอีก 3 โครงการอีก 22,813 ไร่ ปีนี้ตั้งเป้ายอดขายที่ดินรวม 2,275 ไร่ ซึ่งในปีที่แล้วทำยอดขายที่ดินสูงกว่า เป้าหมายถึง 58% หรืออยู่ที่ 2,767 ไร่

ธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ) ตั้งเป้ายอดการจำหน่ายและบริหารจัดการน้ำรวมที่ 178 ล้านลูกบาศก์เมตร โต 14% จากการขยายการให้บริการน้ำทุกประเภทในโครงการนิคมใหม่ ๆ ของ WHA และนอกนิคมของ WHA รวมถึงความต้องการน้ำของลูกค้าในเวียดนามที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง สำหรับธุรกิจไฟฟ้า ยังคงพัฒนานวัตกรรมและโซลูชั่นพลังงาน ได้แก่ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า แพลตฟอร์มการซื้อขายพลังงานไฟฟ้า (Peer-to-Peer Energy Trading) และการซื้อขายใบรับรองเครดิต

การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (I-REC) รวมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในธุรกิจ New S-Curve เช่น ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System : BESS) และเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage:CCUS) เป็นต้น พร้อมตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าสะสมที่ลงนามแล้วเป็น 1,000 เมกะวัตต์ ซึ่งจะมาจากพลังงานหมุนเวียน 453 เมกะวัตต์ โดยเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy) 283 เมกะวัตต์

ธุรกิจดิจิทัล ภายใต้ภารกิจ “Mission To The Sun” ยังมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับโครงการ Green Logistics โดยอยู่ระหว่างการพัฒนาแอปพลิเคชันที่รวมบริการต่าง ๆ (Super Driver App) สำหรับลูกค้ายานยนต์ไฟฟ้าภาคธุรกิจ เช่น การบริหารยานพาหนะ (Fleet Management) การวางแผนเส้นทาง (Route Optimization) และการเชื่อมโยงโครงข่ายสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า (EV Roaming) เป็นต้น

นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าที่จะดำเนินธุรกิจตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างสมบูรณ์ภายในปี 2593 (100% Circularity by 2050) ผ่านการดำเนินงานภายใต้ 3 หลักการ ได้แก่ Design & Resource, Green Products และ Operation Excellence โดยในปี 2566 กลุ่มธุรกิจทั้ง 4 ได้มีการนำเสนอโครงการ Circular Economy ไม่น้อยกว่า 40 โครงการ

สำหรับผลประกอบการในปี 2566 บริษัททุบสถิตินิวไฮอีกครั้งด้วยการปิดดีลสัญญาซื้อขายที่ดินรวมทั้งหมด 2,767 ไร่ และพื้นที่เช่าโครงการโรงงานและคลังสินค้าสุทธิที่ 242,000 ตร.ม. สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยคาดว่ามีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 17,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 11% และสามารถรักษาระดับอัตรากำไร EBITDA ที่มากกว่า 40%