PRM รับมอบเรือ Hybrid Crew Boat เสริมแกร่งธุรกิจปี’67

PRM เดินหน้าเสริมทัพกองเรือต่อเนื่อง ล่าสุดรับมอบเรือ “Crew Boat ระบบไฮบริด” ลำที่ 2 นับเป็นเรือ Crew Boat ระบบไฮบริดชุดแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ “Net zero emissions” พร้อมหนุนให้ผลการดำเนินงานปี 2567 เติบโตตามเป้าหมาย

วันที่ 6 มีนาคม 2567 นางสาวนีรชา ปานบุญห้อม กรรมการ บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRMพร้อมด้วย นายพร้อมพงษ์ ชัยศรีสวัสดิ์สุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้เดินทางไปประเทศสิงคโปร์ เพื่อทำพิธีรับมอบเรือ “Crew Boat ระบบไฮบริด” ลำที่ 2 อย่างเป็นทางการ หลังจากก่อนหน้านี้บริษัทได้รับมอบเรือลำแรกไปแล้วเมื่อเดือนมกราคม 2567 นับเป็นเรือ “Crew Boat ระบบไฮบริด” 2 ลำแรก ที่ให้บริการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นไปตามแผน PRM ในการขยายกองเรือของบริษัทปี 2567

นางสาวนีรชา ปานบุญห้อม

สำหรับเรือ “Crew Boat ระบบไฮบริด” ที่รับมอบในครั้งนี้ สามารถประหยัดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ประมาณ 20-30% เมื่อเทียบกับเรือ Crew Boat แบบเดิม และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ ช่วยลดปัญหาโลกร้อน และสนับสนุนให้ PRM มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net zero emissions) ในอนาคต

โดยเรือทั้ง 2 ลำพร้อมให้บริการสนับสนุนงานด้านการขนส่งบุคคลากรและเครื่องจักร เพื่อสนับสนุนการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเลของกลุ่มเชฟรอน และบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ซึ่งจะรับรู้รายได้ตั้งแต่ต้นไตรมาส 2/2567 เป็นต้นไป

นางสาวนีรชากล่าวว่า การสั่งต่อเรือ Crew Boat ระบบไฮบริด ทั้ง 2 ลำ มีขึ้นหลังจากเชฟรอนและ ปตท.สผ. ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของบริษัท ประกาศเจตนารมณ์เดินหน้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2050 เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางขององค์การสหประชาชาติ และสนับสนุนเป้าหมาย Net Zero ในปี 2065 ของประเทศไทย

ทั้งนี้ PRM ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป และปิโตรเคมีเหลว ทางเรือให้กับลูกค้าตามความต้องการอย่างครบวงจร พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการจัดการก๊าซเรือนกระจกและภาวะโลกร้อน

รวมถึงสนับสนุนเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของประเทศไทย ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาให้บริการกับลูกค้า เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกัน ตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมขนส่งและจัดเก็บปิโตรเลียมทางทะเลระดับชั้นนำของไทย

“ไม่เพียงแต่การนำนวัตกรรม Hybrid มาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพของเรือในด้านการประหยัดพลังงานและลดการใช้เชื้อเพลิงสำหรับเรือ Crew Boat ทั้ง 2 ลำนี้ แต่บริษัทยังมองถึงการนำเทคโนโลยีการออกแบบเรือและการใช้เครื่องยนต์ระบบ Hybrid มาใช้ในเรือประเภทอื่นเพิ่มเติม การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการดักจับคาร์บอนกับกองเรือที่มีอยู่ในปัจจุบันและอาคารสำนักงาน รวมถึงเก็บข้อมูลสำหรับการจัดทำ Carbon Footprint ของธุรกิจ เพื่อเป็นฐานในการตั้งเป้าหมายสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์”

นอกจากนี้ ในแผนปี 2567 บริษัทยังจะเดินหน้าลงทุนขยายกองเรือประเภทอื่น ๆ เพิ่มเติม ทั้งกลุ่มเรือขนส่งปิโตรเคมีและธุรกิจเรือ Offshore Support เพื่อสนับสนุนให้ผลประกอบการปี 2567 เติบโตตามเป้าที่กำหนดไว้