‘ไชยา’ รมช.เกษตรฯ ชี้ทิศทางอุตสาหกรรมปศุสัตว์ไทย ปี 2567 พร้อมร่วมมือทุกภาคส่วนผลักดันรายได้เกษตรกรไทยเติบโต 3 เท่าใน 4 ปี
วันที่ 22 มีนาคม 2567 นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกล่าวเปิดงาน “สัมมนาความท้าทายอุตสาหกรรมปศุสัตว์ไทย ปี 2567 จะรุ่งหรือจะร่วง” ดำเนินการจัดงานโดย คณะกรรมการธุรกิจปศุสัตว์และแปรรูป สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยมีนายสัตวแพทย์โสภัชย์ ชวาลกุล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เจ้าหน้าที่สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นักวิชาการ เกษตรกร ผู้ประกอบการ
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องแคทลียา โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ ซึ่งการจัดงานสัมมนามีวัตถุประสงค์เพื่อจุดประกายความร่วมมือภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และเกษตรกรไทยให้เกิดการผลักดันอุตสาหกรรมปศุสัตว์ไทยให้มีศักยภาพ มีมาตรฐาน สามารถเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน สอดรับกับวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรี (นายเศรษฐา ทวีสิน) ที่ตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็น “ศูนย์กลางอาหาร (Agriculture and Food Hub)” ของโลก
นายไชยากล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ทิศทางอุตสาหกรรมปศุสัตว์ไทย ปี 2567” โดยกล่าวถึงนโยบายภาครัฐที่ต้องการผลักดันเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น 3 เท่า ในระยะเวลา 4 ปี ซึ่งการจะผลักดันนโยบายให้เกิดขึ้นจริง ต้องเริ่มจากการดูแลภาคการเกษตร ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ให้ภาครัฐเป็นสะพานเชื่อมต่อภาคเอกชนให้เกิดการผสานแนวความคิดนำไปสู่เป้าหมายความสำเร็จ
จะเห็นได้ว่ารัฐบาลกำลังแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรราคาตกต่ำให้ดีขึ้น ด้วยการเจรจากับประเทศที่ต้องการรับซื้อสินค้าปศุสัตว์มีชีวิตจากไทย เช่น จีน เวียดนาม และซาอุดีอาระเบีย ให้เกิดการค้าในระยะยาว เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ต่อเนื่อง
พร้อมทั้งพัฒนาโรงงานแปรรูปสินค้าปศุสัตว์และโรงงานวัคซีนป้องกันโรคระบาดสัตว์ให้เพียงพอต่อการใช้งานในประเทศ รวมถึงได้รับมาตรฐานส่งออกสามารถจำหน่ายให้ประเทศเพื่อนบ้านได้ ส่งผลให้ประเทศมีรายได้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ รัฐบาลมีหน้าที่ขจัดอุปสรรคทางการเกษตรและทางการค้า เพื่อช่วยให้ภาคธุรกิจเติบโต เกษตรกรสามารถหารายได้จากการทำเกษตรกรรม รวมถึงร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อให้เกิดเศรษฐกิจในประเทศหมุนเวียนต่อไป
จากข้อมูลในปี 2566 ที่ผ่านมา ไทยมีการส่งออกสินค้าและผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ ปริมาณจำนวน 2.07 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 2.37 แสนล้านบาท โดย 3 สินค้าอันดับแรก ได้แก่ 1) สินค้ากลุ่มเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ 2) สินค้ากลุ่มน้ำผึ้ง ไข่ นม อื่น ๆ และ 3) สินค้ากลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง อย่างไรก็ตาม ปี 2567 คาดการณ์ว่าสถานการณ์การผลิตสินค้าปศุสัตว์จะขยายตัวถึงร้อยละ 1.7-2.7
จากปัจจัยสนับสนุนของเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มดีขึ้นในภาคบริการและภาคการท่องเที่ยว ประกอบกับความต้องการบริโภคสินค้าปศุสัตว์ทั้งในและต่างประเทศยังมีความต้องการต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้าสุกร ไก่เนื้อ และโคเนื้อ เป็นต้น จะเห็นได้ว่าความท้าทายอุตสาหกรรมปศุสัตว์ไทยปี 2567 จะเติบโตไปในทิศทางที่ดีขึ้นอีกด้วย