BAFS ไตรมาสแรกปี’67 ธุรกิจการบินรับอานิสงส์ท่องเที่ยวฟื้น กำไร 82.9 ล้าน

BAFS

BAFS ไตรมาสแรกปี 2567 ธุรกิจการบินรับอานิสงส์ท่องเที่ยวฟื้น กำไรโตรวม 82.9 ล้าน ตั้งเป้าเติมน้ำมันอากาศ 5,000 ล้านลิตร ด้านธุรกิจสาธารณูปโภคตั้งเป้าขนส่งน้ำมัน 1,100 ล้านลิตร ขณะที่ธุรกิจพลังงาน เตรียมเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้า 54 MW

วันที่ 9 พฤษภาคม 2567 ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท เชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS เปิดเผยว่าภาพรวมผลการดำเนินการของ BAFS GROUP ในปี 2567 เติบโตขึ้นอย่างชัดเจน โดยไตรมาสแรก ปี 2567 มีรายได้รวม 865.6 ล้านบาท มีกำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวน 82.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาสที่ 1/2566 และมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 8%

ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล
ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล

ซึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวของกลุ่มธุรกิจหลัก คือกลุ่มธุรกิจการบินเห็นได้จากปริมาณน้ำมันอากาศยานที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของปริมาณขนส่งน้ำมันรวมทุกผลิตภัณฑ์ของโครงการระบบท่อส่งน้ำมันภาคเหนือ (NBPT)

โดยในปี 2567 กลุ่มธุรกิจการบินมีสัญญานเชิงบวกจากการฟื้นตัวของปริมาณนักท่องเที่ยวและนโยบาย Aviation Hub ของรัฐบาล ทำให้กลุ่มบริษัทตั้งเป้าปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานอยู่ที่ 5,000 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อน

สำหรับธุรกิจสาธารณูปโภค กลุ่มบริษัทมีแผนลงทุนเพื่อส่งเสริมรายได้ในอนาคต โดยการเชื่อมท่อขนส่งน้ำมันกับ THAPPLINE เพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายท่อขนส่งน้ำมันระหว่างภาคตะวันออกกับภาคเหนือเข้าด้วยกัน คาดว่าจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจากการขนส่งน้ำมันภาคเหนือไม่น้อยกว่า 70% ในระยะยาว ทั้งนี้ ในปี 2567 กลุ่มบริษัทมีเป้าหมายปริมาณการขนส่งน้ำมันผ่านท่อภาคเหนือไว้ที่ 1,100 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 31% จากปีก่อน

Advertisment

BAFS

ด้านธุรกิจพลังงาน กลุ่มบริษัทยังคงมุ่งมั่นแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าและธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งมีการกระจายการลงทุนและแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจอย่างเหมาะสมทั้งในและต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายในการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย อาทิ Solar, Wind, Waste-to-Energy (WTE), Battery Energy Storage System (BESS), Eco Smart Microgrid และ Energy Platform โดยในปี 2567 กลุ่มบริษัทคาดว่ากำลังการผลิตไฟฟ้าจะอยู่ที่ 54 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อน

นอกจากนี้ ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 เมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา ได้พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผล สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในรอบปี 2566 ในอัตรา 0.22 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ได้มีการจ่ายปันผลระหว่างกาล เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2566 ในอัตรา 0.08 บาทต่อหุ้น ดังนั้น บริษัทจะจ่ายเงินปันผลเป็นอัตรา 0.14 บาทต่อหุ้น

โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคงและเสถียรภาพการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน

Advertisment