
สนั่น ประธานหอการค้าฯ เปิดมุมมองภาคเอกชน ต่อผลการตัดสินคดียุบพรรคก้าวไกล ชี้ไม่น่าจะมีความรุนแรงจากการประท้วง และสถานการณ์น่าจะคลี่คลายได้โดยเร็ว ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังเดินหน้าได้ มีสัญญาณฟื้นตัวในช่วงกลางไตรมาส 4 มั่นใจเศรษฐกิจไทยไม่ใช่ขาลง
วันที่ 8 สิงหาคม 2567 นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับมุมมองของหอการค้าไทย ต่อกรณีการยุบพรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยศาลรัฐธรรมนูญได้เพิกถอนสิทธิกรรมการบริหารพรรคระหว่าง 25 มี.ค. 2564-31 ม.ค. 2567 โดยไม่สามารถสมัครรับการเลือกตั้ง จดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่ เป็นกรรมการบริหารพรรค หรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรค
ซึ่งเป็นไปตามคำร้องที่ กกต.ได้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก็ถือว่าเป็นการกลั่นกรองจากพยานหลักฐาน และมีความชัดเจนในมติของศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์
แต่อย่างไรก็ตาม แม้การยุบพรรคก้าวไกลและกรรมการบริหารพรรคจะถูกตัดสิทธิทางการเมือง แต่ สส.ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ โดยจะต้องหาพรรคการเมืองใหม่สังกัด ซึ่งคงต้องติดตามว่าจะเป็นพรรคการเมืองใด และมีเจตนารมณ์ใกล้เคียงกับพรรคก้าวไกลเดิมหรือไม่อย่างไร หรือแม้แต่กรณีความเป็นไปได้ในการที่ สส.บางส่วนอาจมีการย้ายไปในพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล
ซึ่งการวิเคราะห์จากภาพที่เห็น คาดว่า สส.ส่วนใหญ่ที่ยังยึดมั่นในอุดมการณ์พรรคก้าวไกลน่าจะยังรวมกลุ่มและย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ด้วยกัน ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนี้การดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของกลุ่ม สส. อดีตพรรคก้าวไกลก็ยังสามารถที่จะขับเคลื่อนกิจกรรมทางการเมืองได้อย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น ในแง่มุมของกระบวนการทางรัฐสภาก็ยังสามารถดำเนินการได้ตามปกติ ซึ่งต้องจับตาว่า สส.บางส่วนจะมีการย้ายไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ส่วนนี้ก็จะเป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่าพรรคใหม่นี้จะยังเป็นพรรคที่มีจำนวน สส.ในสภามากที่สุดหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม กระบวนการทางรัฐสภาก็คงเดินหน้าไปตามปกติ ทั้งเรื่องการพิจารณางบประมาณแผ่นดินก็ยังสามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับเหตุการณ์การเมืองนอกสภา หอการค้าไทยประเมินเบื้องต้นว่าน่าจะยังไม่มีความรุนแรง หรือความวุ่นวายจากกรณีการประท้วงที่อาจทำให้ภาพรวมเกิดความกังวล เนื่องจากที่ผ่านมาสัญญาณของการกดดันการทำงานของ กกต. หรือแม้แต่ก่อนการวินิจฉัยของศาล เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งเชื่อว่าสถานการณ์ต่าง ๆ น่าจะคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ
ทั้งนี้ หอการค้าฯจึงประเมินว่าภาพรวมของเศรษฐกิจไทยก็น่าจะยังเดินหน้าได้ตามปกติ น่าจะมีสัญญาณในการฟื้นตัวได้ในช่วงกลางไตรมาส 4 ถ้าสถานการณ์ปรับเข้าสู่ภาวะที่เหมาะสมและดีขึ้น ทั้งจากเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ขณะเดียวกันก็ยังไม่มีเหตุผลในการปรับประมาณการเศรษฐกิจลง เนื่องจากกลไกต่าง ๆ ของภาครัฐก็สามารถเดินหน้าได้ตามปกติ จึงไม่กระทบต่อสถานการณ์เศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน