
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกาศความพร้อม “NOW THAILAND : The Golden Era” โอกาสทองที่ต้องลงทุนในไทย ย้ำแม้เปลี่ยนรัฐบาลไม่ทิ้งโปรเจ็กต์แลนด์บริดจ์ ลุยศึกษาต่อปั้นนิคมอุตสาหกรรม Green 100% รองรับนักลงทุนที่ยังเชื่อโครงสร้างพื้นฐานไทยพร้อมมาก EEC S-curve ตอบโจทย์
วันที่ 16 สิงหาคม 2567 นายยุทธศักดิ์ สุภสร ประธานกรรมการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาบรรยากาศการลงทุน และเศรษฐกิจในประเทศซบเซา การลงทุนที่เกิดขึ้นยังคงต่ำเมื่อเทียบกับโครงสร้างพื้นฐานที่ไทยมีความพร้อมในเกือบทุกด้าน และขณะนี้ถือว่าเป็นจังหวะดีของการลงทุน กนอ. ในฐานะผู้พัฒนาและกำกับดูแลพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศ พร้อมที่จะยกระดับนิคมอุตสาหกรรม 14 แห่ง และ 1 ท่าเรือ ให้เป็น Green รวมถึงมีการใช้พลังงานสะอาด 100% เพื่อรองรับการลงทุน เพราะเป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องการมากที่สุดในขณะนี้
นอกจากนี้ กนอ. ยังสนใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการเข้าไปพัฒนาและลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์ เพราะเชื่อว่ายังคงเป็นโครงการที่รัฐบาลจะไม่ทิ้งโอกาสนี้
สำหรับนักลงทุนต่างชาติเอง ไม่ได้ส่งสัญญาณถึงความกังวลจากการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ เพราะมองว่าโครงการเมกะโปรเจ็กต์ของรัฐ รงมทั้งพื้นที่ EEC และอุตสาหกรรมเป้าหมาตอบโจทย์นักลงทุนอยู่แล้ว
ล่าสุด กนอ. เปิดตัวแคมเปญ “NOW THAILAND : The Golden Era” ที่เพื่อประกาศความมุ่งมั่นในการฟื้นฟูและเร่งรัดการลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม ด้วยประเทศไทยพร้อมแล้ว “We are Ready” ที่จะต้อนรับนักลงทุนจากทั่วโลก และเปรียบเสมือนสัญญาณบอกให้นักลงทุนทั่วโลกรับรู้ว่า นี่คือโอกาสทองของการลงทุน ไม่มีเวลาใดที่ดีไปกว่านี้แล้วที่จะลงทุนในประเทศไทย
ด้วยรัฐบาลมีนโยบายชัดเจนในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และเร่งรัดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ด้วยมาตรการส่งเสริมการลงทุนที่ครอบคลุมทุกด้าน ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่ความยั่งยืนและสอดรับกับกระแสโลก ทั้งโครงสร้างพื้นฐานที่ได้มาตรฐานระดับโลก
ไม่ว่าจะเป็นโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ที่สามารถรองรับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และเป็นประตูการค้าสู่ภูมิภาคอาเซียน หรือโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
นอกจากนี้ ในยุคที่การย้ายฐานการลงทุนกำลังเป็นกระแสทั่วโลก กนอ. ได้ประกาศก้าวสำคัญสู่ยุคใหม่แห่งการลงทุน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “We Moved” พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยกลยุทธ์ “ฟื้นการลงทุน หนุนผู้ประกอบการ สร้างความยั่งยืน” ด้วยการสร้างบริบทใหม่ที่มุ่งมั่น เพิ่มความทะเยอทะยาน สร้างมาตรฐานใหม่ที่ท้าทายและโปร่งใส เพื่อให้ทุกฝ่ายร่วมกันขับเคลื่อนแผนและนโยบายไปสู่ความสำเร็จ เปิดปฏิบัติการอย่างเต็มกำลัง เพื่อแสดงบทบาทนำของ กนอ. ในการเปลี่ยนความทะเยอทะยานให้เป็นจริงอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ผ่าน 3 มิติ คือ
N : New horizons of Investment พร้อมเปิดรับทุกการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคตหรือธุรกิจรูปแบบใหม่ O : Opportunity Unlimited เปิดโอกาสทางธุรกิจอย่างเต็มที่ ไร้ข้อจำกัด สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโต W : Wealth-packing Districts เนรมิตนิคมอุตสาหกรรมให้เป็นศูนย์กลางความมั่งคั่งที่ยั่งยืน สร้างประโยชน์ให้กับ
ทั้งผู้ประกอบการและชุมชนโดยรอบ “กนอ. คือผู้ดูแลนิคมทั่วประเทศ มีข้อมูลครบถ้วน พร้อมให้คำแนะนำเชิงลึกแก่นักลงทุน ช่วยเลือกทำเลที่ตั้งโรงงานในนิคมที่เหมาะสมที่สุด ตอบโจทย์ทุกความต้องการทางธุรกิจ ซึ่งการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมของ กนอ. ไม่เพียงช่วยประหยัดเวลาและลดความยุ่งยากในการขออนุญาตต่าง ๆ ระบบสาธารณูปโภคครบครัน แต่ยังมาพร้อมสิทธิประโยชน์มากมาย ทำให้ผู้ประกอบการสามารถมุ่งเน้นไปที่การสร้างธุรกิจให้เติบโตได้อย่างเต็มที่” นายยุทธศักดิ์ กล่าว
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวว่า ปัจจุบันมีนิคมอุตสาหกรรม 68 แห่งใน 16 จังหวัด ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนสะสมกว่า 17.04 ล้านล้านบาท สร้างงานกว่า 953,630 คน ซึ่ง กนอ. ปรับตัวและพัฒนามาต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนยุคใหม่ รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ซึ่งนอกจากการปรับองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลไปสู่การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะแล้ว กนอ. ยังวางกลยุทธ์เชิงรุก เพื่อเร่งรัดให้เกิดการลงทุนในประเทศไทยในระยะเวลา 1-3 ปี ผ่าน 3 กลยุทธ์หลักด้วย คือ
1.Global Supply Chain : เชื่อมโยงประเทศไทยเข้ากับห่วงโซ่อุปทานระดับโลก ดึงดูดการลงทุนที่มีศักยภาพสูง และสร้างโอกาสในการเติบโตให้กับธุรกิจไทยในตลาดโลก
2.Competitiveness : เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย มุ่งเน้นการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve และ New S-Curve) ทั้ง อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ, ยานยนต์สมัยใหม่, การแพทย์ครบวงจร, ดิจิทัล, หุ่นยนต์, อาหารแปรรูป, การบินและโลจิสติกส์ และพลังงานสะอาด เพื่อสร้าง “New Engine of Growth” ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคต
3.Sustainability : ส่งเสริมการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) สร้างความสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจและการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน
“เรามีนิคมอุตสาหกรรมรวม 190,212 ไร่ มีพื้นที่คงเหลือสำหรับขายหรือให้เช่าเพื่อรองรับการลงทุนประมาณ 20,341 ไร่ มีระบบสาธารณูปโภคที่ครบครัน และมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก ให้คำปรึกษา การอำนวยความสะดวก”