สัมภาษณ์
การส่งออกโค้งสุดท้ายของปี 2567 ในช่วง 3 เดือน (ต.ค.-ธ.ค.) 2567 หากไทยสามารถส่งออกได้เฉลี่ยเดือนละ 22,533 ล้านเหรียญสหรัฐ การส่งออกทั้งปีจะขยายตัวได้ 2% และมีมูลค่าทั้งปีจะเฉลี่ยอยู่ที่ 290,000 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ การส่งออกไทยปีนี้น่าจะโตกว่าเป้าหมาย 1-2% ขณะที่มูลค่าการส่งออกจะทำนิวไฮ หลังจากเคยทำไว้แล้วเมื่อปี 2566 ที่มูลค่า 287,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนการส่งออกไทยในปี 2568 ต้องจับตาและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ที่ควบคุมได้และไม่สามารถควบคุมได้ โดยเฉพาะสงครามการค้าระหว่างประเทศ นโยบายกีดกันทางการค้า และการติดตามนโยบายของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่จะส่งผลกระทบทั่วโลก ล่าสุด “ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์ นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ถึงกิจกรรมและเป้าหมายการบุกตลาดการส่งออกในปีหน้า
ประชุมทูตพาณิชย์ลุยส่งออก
จากนโยบายของ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องการผลักดันและขยายตลาดส่งออกของไทย และให้วางแผนตั้งรับปัจจัยเสี่ยงที่จะกระทบ โดยเฉพาะการส่งออกในปี 2568 เบื้องต้นกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศทั้ง 58 แห่งทั่วโลกประเมินสถานการณ์การค้า วิเคราะห์เจาะลึกให้มากขึ้น นอกจากนี้ กรมจะมีการหารือกับภาคเอกชน เพื่อประเมินมุมมอง ทิศทางการส่งออกในปีหน้าจะเป็นอย่างไร เพื่อที่จะวางเป้าหมายการทำงาน พร้อมประกาศเป้าหมายการส่งออกในปี 2568 นี้ด้วย
“คาดว่าการประชุมทูตพาณิชย์จะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ เพราะการทำงานในปัจจุบันเราจะช้าไม่ได้ จะต้องทำงานอย่างรวดเร็วและทันสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลา ส่วนการประชุมกับภาคเอกชนเพื่อประเมินสถานการณ์ทิศทางส่งออกไทย คาดว่าจะมีการหารือกันในช่วงกลางเดือนธันวาคม 2567 นี้ ก่อนที่จะประกาศเป้าหมายการส่งออกของไทยในปีหน้า”
อย่างไรก็ดี กรมพร้อมที่จะร่วมมือกับทุกฝ่ายอย่างบูรณาการ เพื่อผลักดันกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกของไทย พร้อมทั้งวิเคราะห์ตลาดและสินค้าที่เหมาะสมที่จะผลักดันการส่งออกสินค้าของไทยไปในตลาดโลก เพราะการทำตลาดจำเป็นจะต้องรู้เขารู้เรา เพื่อให้การส่งเสริมและผลักดันกิจกรรมเป็นไปได้อย่างเหมาะสม
ผนึกอุตฯ-เกษตรฯ ลุยส่งออก
สำหรับแผนส่งเสริมกิจกรรมการส่งออกสินค้าไทยในปี 2568 กรมมองว่าจะต้องมีความเข้มข้นมากขึ้น เจาะลึกในรายตลาดและรายสินค้า รวมไปถึงประเภทสินค้าที่เหมาะกับแต่ละประเทศ เพราะเราจะทำตลาดแบบเหวี่ยงแหไม่ได้ ซึ่งทูตพาณิชย์จะต้องทำงานเชิงลึกและวิเคราะห์รายละเอียด เจาะตลาดสินค้าในแต่ละประเทศให้มีความเหมาะสม เพื่อที่จะมุ่งทำตลาดเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าไทย
“กรมยังต้องจับมือกับหน่วยงานอย่างกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรฯ เพื่อจับมือกันในการทำงาน เพราะกรมและกระทรวงพาณิชย์ทำงานคนเดียวไม่ได้ จึงต้องทำงานเป็นทีมในการส่งเสริมการค้าให้มีความเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเห็นในรายละเอียดและแผนกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้”
สนตลาดใหม่ “อินเดีย-ละติน”
สำหรับการรักษาตลาดและขยายตลาดใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ กรมเห็นว่าตลาดอินเดียซึ่งมีประชากรเยอะ และปัจจุบันพบว่านักท่องเที่ยวอินเดียมาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้น สินค้าอุปโภคบริโภคยังมีโอกาสขยายตลาดส่งออกสินค้าไทยไปตลาดอินเดียได้ นอกจากนี้ ตลาดตะวันออกกลางก็เป็นตลาดที่น่าสนใจ และมีโอกาสสูงเช่นกัน
รวมไปถึงตลาดละตินอเมริกา แม้ตลาดจะอยู่ไกล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำตลาดส่งออกไปไม่ได้ ดังนั้น เพื่อสร้างโอกาส กรมจำเป็นจะต้องจับมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในการจัดคณะพิเศษนำภาคเอกชน ผู้ส่งออก ในการนำเสนอสินค้าไทยให้กับผู้บริโภค โดยสินค้าที่มีโอกาสโดยเฉพาะสินค้ายานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์
เกาะติดปัจจัยเสี่ยง “ทรัมป์”
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่จะกระทบการส่งออกของไทยในปีหน้า แน่นอนว่านโยบายการค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม รวมไปถึงกฎกติกาการค้าของผู้นำเข้า และรวมไปถึงนโยบายการส่งเสริมการค้าการส่งออกของประเทศคู่แข่งด้วย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้กรมจำเป็นจะต้องวิเคราะห์เชิงลึกให้มากขึ้น และจับตานโยบายต่าง ๆ ทั่วโลก เนื่องจากล้วนมีผลกระทบต่อการส่งออกไทย และที่สำคัญทูตพาณิชย์จะต้องมีการรายงานและส่งรายละเอียด พร้อมผลวิเคราะห์ตลาดต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะตั้งรับวางแผนการส่งออกให้กับสินค้าไทย
“กรมเห็นว่าคู่แข่งตลาดส่งออกต่างคนต่างมอง แต่หากใครปรับตัวได้เร็ว และทำให้ดีกว่า ราคามีความยุติธรรม ก็เป็นโอกาสที่จะชิงทำการค้าและธุรกิจส่งออกสินค้าไปในต่างประเทศได้ จึงไม่ค่อยน่าเป็นห่วงในเรื่องนี้”
ยก Thai SELECT เทียบมิชลิน
ปัจจุบันร้านอาหารไทยที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ทั่วโลกประมาณ 18,852 ร้าน และในอนาคตกรมมีเป้าหมายที่จะยกระดับและปรับร้านไทย Thai SELECT ให้เข้าใจง่าย คล้ายมิชลินสตาร์ โดยการนำเรื่องของ 1 ดาว 2 ดาว 3 ดาว มาใช้กับร้านอาหารที่ได้รับ Thai SELECT ทั้งในและต่างประเทศ โดยในเรื่องนี้จะมีการนำไปหารือกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อหาแนวทาง ขั้นตอนในการยกระดับ และมอบดาวให้กับร้านอาหารที่มีตรา Thai SELECT ซึ่งจะมีการประเมินทุก 3 ปี โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนของการดำเนินโครงการนี้ได้ในช่วงกลางปี 2568
“การยกระดับครั้งนี้เพื่อให้ผู้บริโภคทั่วโลก รวมไปถึงคนไทยมีความเข้าใจง่ายขึ้น รวมไปถึงการสร้างโอกาสและส่งเสริมร้านอาหารไทยในต่างประเทศ และยังเป็นการขยายโอกาสให้กับวัตถุดิบและสินค้าไทยในการส่งออกเพิ่มมากขึ้น และยังเป็นตัวที่ช่วยส่งเสริมวัฒนธรรมของไทยให้ต่างชาติได้รับรู้ด้วย”