
กรมการค้าภายใน ตรวจราคาสินค้าของเซ่นไหว้ตรุษจีน เยาวราช ยันราคาใกล้เคียงปีก่อน ด้านข้อมูลสำนักวิจัยคาด ราคาบวกตามค่าครองชีพไม่ต่ำกว่า 4% คนกรุงใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 2.3% จากตรุษจีน 2567
นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า วันตรุษจีนปีนี้ตรงกับวันที่ 29 มกราคม 2568 ซึ่งชาวไทยเชื้อสายจีนนิยมซื้อวัตถุดิบ เพื่อไปประกอบพิธีในการไหว้บรรพบุรุษ ทั้งที่เป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการประกอบอาหารและของเซ่นไหว้บรรพบุรุษ
กรมการค้าภายใน จึงจัดเจ้าหน้าที่สายตรวจออกตรวจสอบสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้ในเทศกาลตรุษจีนและเครื่องชั่งน้ำหนักสินค้าและทองคำ เพื่อรักษาความเป็นธรรมให้กับประชาชนผู้บริโภคตามนโยบายของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
โดยในวันนี้ (25 มกราคม 2568) ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์พื้นที่ร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค ณ ชุมชนเล่งบ้วยเอี๊ยะ เยาวราช พบว่า ผู้ค้าคาดว่าภาวะการจำหน่ายในปีนี้จะสูงขึ้นกว่าปีก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวประกอบกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่มีอย่างต่อเนื่อง
สำหรับสถานการณ์ด้านราคาจำหน่ายวัตถุดิบที่ใช้ในเทศกาลตรุษจีนราคาจำหน่ายยังคงใกล้เคียงกับช่วงเทศกาลตรุษจีนของปีที่ผ่านมาและหลายรายการที่ยังคงทรงตัวและปรับตัวลดลง ทั้งอาหารสดและอาหารแห้ง รวมทั้งของเซ่นไหว้ อาทิ
- บะแซต้ม ราคาทรงตัวที่ 150-250 บาท/ชิ้น (ราคาตามขนาด)
- เป็ดสดทั้งตัว (รวมเครื่องใน) ราคาทรงตัว 280 บาท/กก.
- ไก่สดทั้งตัว (รวมเครื่องใน) ราคาทรงตัว 72.50 บาท/กก.
- อาหารแห้งส่วนใหญ่ราคาทรงตัว เช่น หมี่ซั่ว (ตรามังกรคู่) ขนาดบรรจุ 400 กรัม/ถุง ราคา 35-40 บาท/ห่อ เห็ดหอมแห้ง ขนาดเล็ก ราคา 340-370 บาท/กก. ขนาดกลาง 380-400 บาท/กก หน่อไม้จีนกระป๋อง เบอร์ 0 ราคา 100-120 บาท. พุทราจีน ราคา 90-100 บาท/กก.
- ผักสดที่ใช้ในการประกอบอาหารในช่วงเทศกาลตรุษจีน ราคายังคงใกล้เคียงเมื่อเทียบกับปีก่อน
- ผลไม้ ส้มเขียวหวานราคาปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เบอร์ 5 ราคา 55-60 บาท/กก เบอร์ 6 ราคา 65-70 บาท/กก ขณะที่ส้มโอขาวน้ำผึ้งใหญ่ราคายังทรงตัว อยู่ที่ 90-100 บาท/กก.
- ขนมไหว้เจ้าราคาปรับตัวลดลงเนื่องจากเร่งการขาย เช่น ขนมจันอับ ขนมเทียน ส่วนขนมเข่ง ราคายังคงทรงตัว
- สำหรับชุดไหว้เจ้า ส่วนใหญ่มีราคาปรับลดลงจากปีก่อน เช่น กระดาษเงิน-ทอง ชุดไหว้ไฉ่ซิงเอี๊ย ชุดไหว้บรรพบุรุษ (ราคาตามขนาด)
นายวิทยากร กล่าวว่า ยังได้ตรวจสอบความเที่ยงตรงของชั่งน้ำหนักทอง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการเลือกซื้อทอง โดยที่ผ่านมาในปี 2567 ดำเนินการตรวจสอบร้านทองทั่วประเทศ 576 แห่ง เครื่องชั่ง 684 เครื่อง และในปี 2568 (1 ม.ค. – 24 ม.ค.2568) ดำเนินการตรวจสอบร้านทองทั่วประเทศ 66 แห่ง เครื่องชั่ง 79 เครื่อง พบถูกต้องทั้งหมด
นายวิทยากร กล่าวว่า เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยเกษตรกรผู้ผลิตและลดรายจ่ายให้กับประชาชนผู้บริโภค ในการเลือกซื้อสินค้าปศุสัตว์หรือสัตว์น้ำในช่วงเทศกาลตรุษจีน กรมการค้าภายในจึงได้ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศเชื่อมโยงสินค้าปศุสัตว์หรือสัตว์น้ำ รวมถึงผลิตภัณฑ์จากแหล่งผลิตมาจำหน่าย อาทิเช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ กุ้งขาวแวนนาไม ปลากะพง ทั่วประเทศรวม 20,000 กิโลกรัม และไข่ไก่ ทั่วประเทศรวม 500,000 ฟอง
เปิดจุดจำหน่ายในแต่ละจังหวัด เช่น
- จังหวัดนครสวรรค์ จัดที่หน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครสวรรค์ (26-27 ม.ค.)
- จังหวัดอุบลราชธานี จัดที่ศาลหลักเมืองจังหวัดอุบลราชธานี (26-27 ม.ค.)
- จังหวัดสงขลา จัดที่หน้าสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. (สกต.) หาดใหญ่ (26-27 ม.ค.)
โดยลดราคาต่ำกว่าท้องตลาดไม่น้อยกว่า 10% ให้แก่ประชาชนผู้บริโภคในช่วงระหว่างวันที่ 25 – 27 มกราคม 2568 ซึ่งประชาชนสามารถดูจุดจำหน่ายสินค้าได้จากเว็บไซต์กรมการค้าภายใน https://www.dit.go.th
นายวิทยากร กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้กับเกษตรกร และช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนใน ปี 2568 กรมการค้าภายใน จะได้ดำเนินการจัดกิจกรรมเชื่อมโยงการจำหน่ายสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการกำกับดูแลและติดตามสถานการณ์สินค้า เพื่อสร้างความเป็นธรรมตลอดห่วงโซ่อุปทานให้ทุกระดับการค้ามีความสอดคล้องกันตามโครงสร้างราคาที่กรมฯ กำกับดูแล
และในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้ ขอให้ประชาชนมั่นใจโดยกรมการค้าภายในและสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศจะอออกตรวจสอบกำกับดูแลการจำหน่ายและเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายโดยเฉพาะการปิดป้ายแสดงราคา และห้ามมีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า โดยกรณีไม่ปิดป้ายราคา มีโทษปรับสูงสุด 10,000 บาท กรณีที่ค้ากำไรเกินสมควร มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
คาดราคาของไหว้ บวกตามค่าครองชีพ ไม่ต่ำกว่า 4%
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า ราคาสินค้าเครื่องเซ่นไหว้ช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2568 น่าจะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 4% โดยสินค้าเครื่องเซ่นไหว้จะมีทั้งกลุ่มที่ราคาแพงขึ้นและกลุ่มที่ราคาถูกลงจากช่วงเทศกาลตรุษจีนปีก่อน ตามปริมาณผลผลิตเป็นหลัก เช่น
- สินค้าที่คาดว่าจะมีราคาเพิ่มขึ้น ได้แก่ เนื้อหมู เนื้อเป็ด ส้ม ผักกาดขาว
- สินค้าที่คาดว่าจะมีราคาทรงตัว ได้แก่ เนื้อไก่ (ทั้งตัวรวมเครื่องใน)
- สินค้าที่คาดว่าจะมีราคาลดลง ได้แก่ กล้วยหอมทองและผักอื่นๆ เช่น คะน้า ขึ้นฉ่าย กวางตุ้ง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคส่วนใหญ่คงรู้สึกว่าราคาเครื่องเซ่นไหว้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สาเหตุจากค่าครองชีพโดยรวมที่สูง แต่ก็ยังมีความจำเป็นจะต้องซื้อสำหรับกลุ่มคนไทยเชื้อสายจีนที่สืบสานประเพณีนี้ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนที่น้อยลง
ขณะที่การให้อั่งเปากับลูกหลาน/ลูกจ้าง ยังเป็นกิจกรรมที่คนให้ความสนใจและรอคอย แต่ท่ามกลางกำลังซื้อในประเทศที่ฟื้นตัวไม่เต็มที่ ผู้ปกครอง/นายจ้าง น่าจะให้อั่งเปา ใกล้เคียงหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อน หลังจากที่เพิ่งมีการประกาศปรับค่าแรงขั้นต่ำไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
บรรยากาศการใช้จ่ายช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้อาจคึกคักขึ้นแต่คงไม่มาก เพราะวันจ่าย/วันไหว้/วันขึ้นปีใหม่ ตรงกับวันทำงานตามปกติ โดยมาตรการภาครัฐ ทั้งการแจกเงินผู้สูงอายุเฟส 2 (27 ม.ค. 2568) และโครงการลดหย่อนภาษี (Easy E-Receipt) จะมีส่วนกระตุ้นยอดขายบางส่วนให้กับร้านค้าปลีกสมัยใหม่ที่มีความพร้อมในการอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภคได้ อาทิ ออกใบกำกับภาษี เสนอโปรโมชั่นด้านราคา
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดเม็ดเงินการใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2568 อาจเติบโต 2.3% เมื่อเทียบกับช่วงเทศกาลตรุษจีนปีก่อน จากปัจจัยด้านราคาเป็นหลัก ขณะที่คนเข้าร่วมอาจลดลง โดยปัจจุบันคนไทยเชื้อสายจีนในกรุงเทพฯ มีอยู่ราว 2 ล้านคน
ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ราคามักขยับสูงขึ้นก่อนเข้าสู่เทศกาลตรุษจีน เนื่องจากในอดีตคนนิยมมอบทองคำเพื่อเป็นของขวัญ แต่ระยะหลังการปรับขึ้นของราคาทองคำ เป็นผลจากแรงซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งจากนักลงทุนสถาบันและรายย่อย รวมถึงธนาคารกลางแต่ละประเทศ ทั้งนี้ ก่อนเข้าสู่เทศกาลตรุษจีนปีนี้ ราคาทองคำก็ยังคงแกว่งตัวในทิศทางขาขึ้น ซึ่งคงจะหนุนให้เกิดแรงขายเพื่อทำกำไร หรือบางส่วนนำทองคำไปจำนำ/ขายมากขึ้น
หอการค้า คาดเงินสะพัดทะลุ 5 หมื่นล้านบาท
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า เทศกาลตรุษจีนของไทยในปี 2568 คาดว่าจะมีความคึกคัก มีเงินสะพัดกว่า 51,787 ล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้จ่ายสูงสุดในรอบ 5 ปีนับตั้งแต่มีสถานการณ์โควิด และเป็นปีแรกที่มีเงินสะพัดสูงถึง 50,000 ล้านบาท โดยประชาชนส่วนใหญ่ยังคงออกมาใช้จ่ายแม้จะยังคงมีความเป็นห่วงและกังวลเศรษฐกิจในอนาคตบ้างก็ตาม
นางอุมากมล สุนทรสุรัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมในการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลตรุษจีน สำรวจระหว่างวันที่ 13-19 มกราคม 2568 จำนวน 1,283 ตัวอย่างทั่วประเทศ พบว่าการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลในปีนี้คาดว่าจะคึกคักมีเงินสะพัดประมาณ 51,787 ล้านบาท ขยายตัว 4.50% เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่าจะยังคงมีการวางแผนในการจับจ่ายเลือกซื้อสินค้าช่วงเทศกาลตรุษจีน
สำหรับการวางแผนในช่วงตรุษจีน 99.5% มีการท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น ส่วนต่างประเทศอยู่ที่ 0.5% ส่วนการวางแผนใช้จ่ายช่วงตรุษจีนส่วนใหญ่ 62.9% ออกไปทำบุญ 43.3% ไปทานข้าว และ 32.8% ใช้จ่ายทั่วไปในประเทศ ส่วนการใช้จ่ายของเซ่นไหว้ ส่วนใหญ่ยังคงเท่าเดิม เช่น หมู ไก่ กระดาษเงินกระดาษทอง ดอกไม้ เป็นต้น นอกจากนี้ยังพบว่ามูลค่าการใช้จ่ายในทุกช่วงตรุษจีน 37.8% ยังคงเท่าเดิม โดยพบว่าราคาของเซ่นไหว้ในปีนี้ มองว่า 41.4% แพงขึ้นเล็กน้อย และ 29.6% แพงขึ้นมาก
สำหรับความคึกคักในช่วงเทศกาลส่วนใหญ่ 36.3% มีความคึกคักมาก และแหล่งที่มาของเงินในการใช้จ่าย มาจากเงินเดือนรายได้ปกติถึง 52.7%
นอกจากนี้ ยังมีการสำรวจความคิดเห็นในประเด็นต่าง ๆ ในช่วงตรุษจีน โดยพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังคงกังวลในเรื่องของการขึ้นราคาสินค้าที่จำเป็นในช่วงเทศกาล ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวแพงขึ้น ความปลอดภัยของบ้านพัก เป็นต้น