คลังศึกษาขยายเวลาภาษีบุหรี่ 40% ออกไป 2 ปี จ่อพิจารณาปรับภาษียาเส้นเพิ่ม-ยสท.เคาะรับซื้อใบยา 50%

นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำหรับกรณีการขยายเวลาในการจัดเก็บอัตราภาษีบุหรี่ตามมูลค่าจาก 20% เป็น 40% ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อขยายเวลาการจัดเก็บอัตราภาษีดังกล่าวออกไปในวันที่ 1 ต.ค. 2564 จากเดิมที่มีการกำหนดในวันที่ 1 ต.ค. 2562 เชื่อว่ายังพอมีเวลาที่จะพิจารณาจากปัจจัยต่างๆให้รอบด้าน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมตามหลักสากลแก่ผู้ประกอบการทุกราย ในเบื้องต้นได้มีการหารือกับผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง โดยรัฐจะต้องควบคู่กับเอกชนในการซื้อใบยาสูบจากชาวไร่ รวมถึงชาวไร่ก็ต้องดูแลตัวเองในบางส่วน เนื่องจากธุรกิจยาสูบถือเป็นธุรกิจที่ต้องปรับตัวเหมือนกัน ซึ่งจะเห็นได้จากสถิติความต้องการผู้บริโภคยาสูบในไทย ลดลง 10% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นการส่งสัญญาณให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรับทราบว่าจะทำอย่างไรต่อไป ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาโครงสร้างภาษียาเส้นที่อาจมีการปรับขึ้น ในด้านการนำเข้ามาจำหน่าย หลังจากที่มีการปรับขึ้นภาษีบุหรี่ ทำให้คนหันไปบริโภคยาเส้นเพิ่มขึ้น รวมถึงมีผู้ประกอบการหลายรายที่เข้ามาทำการตลาดยาเส้นด้วยเช่นกัน

นางสาวดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ผู้ว่าการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับแจ้งจากกระทรวงการคลังอย่างไม่เป็นทางการให้ ยสท.รับทราบถึงการศึกษาในการขยายเวลาอัตราการจัดเก็บภาษี ตามมูลค่าจาก 20% เป็น 40% ที่จะขยายเวลาออกไปในวันที่ 1 ต.ค. 2564 จากเดิมที่มีการกำหนดในวันที่ 1 ต.ค. 2562 ทำให้ได้ข้อสรุปแนวทางการรับซื้อใบยาสูบจากชาวไร่ ในอัตรา 50 % ของใบยาสูบที่เคยรับซื้อ โดยปัจจุบันปริมาณผู้บริโภคยาสูบในไทยลดลงมาก ส่งผลให้ส่วนแบ่งทางการตลาด อยู่ที่ 60% จากเดิมที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 80% คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะพยายามเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการใบยาสูบ ซึ่งจะทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดเติบโตที่ 61% และมีกำไร ประมาณ 200-300 ล้านบาท จากเดิมที่มีกำไร ประมาณ 7,000-9,000 ล้านบาท

นอกจากนี้หากไม่มีการศึกษาเพื่อขยายเวลาการปรับขึ้นภาษีบุหรี่ จะทำให้ ยสท.มีใบยาในสต๊อคที่สามารถผลิตได้ถึงปี 2566 โดยไม่ต้องรับซื้อของใหม่เพิ่ม แต่เมื่อมีการขยายเวลาดังกล่าว ทำให้ ยสท.สามารถรับซื้อได้ ไม่มากเหมือนเดิม เนื่องจาก ยสท.พยายามบริหารจัดการสต๊อคใบยาสูบให้มีคุณภาพและเพียงพอที่จะขาย เพื่อเข้าสู่กระบวนการผลิตต่อไป ในกรณีที่เก็บใบยาสูบไว้นานอาจจะทำให้ใบยาเสื่อมคุณภาพได้

สำหรับกรณีที่กระทรวงสาธารณสุขจะเก็บเงินสมทบจากบุหรี่ซองละ 2 บาท เพื่อเป็นเงินสนับสนุนเข้ากองทุนประกันสุขภาพแห่งชาติ ทาง ยสท.มองว่า เราไม่มีกำลังเพียงพอ เนื่องจากการปรับขึ้นอัตราภาษีบุหรี่ในปีที่ผ่านมา ทำให้กำไรลดลง เหลือเพียง 10 สตางค์ต่อซอง จากเดิมที่มีกำไร 7 บาทต่อซอง ถ้าส่งเงินสมทบดังกล่าว จะส่งผลให้ ยสท.ขาดทุน