ทุนจีนหนีเทรดวอร์ลงทุนไทย “บิ้วตี้เจมส์-แพรนด้า” อู้ฟู่ออร์เดอร์ทะลัก

อุตสาหกรรมอัญมณี 4 แสนล้าน รับอานิสงส์สหรัฐขึ้นภาษีจีนเฉียด 25% ทุนจีนปิดโรงงานหนีซบนิคมอัญธานี ดันออร์เดอร์บางกอกเจมส์โค้งสุดท้าย”บิวตี้เจมส์-แพรนด้าฯ”อู้ฟู่ จับตาส่งออกทองครึ่งปีหลัง 500 บริษัทลุยร่วม “ฮ่องกงแฟร์” ฝ่ามรสุมชุมนุม
นายเดชา นันทนเจริญกุล รองกรรมการผู้จัดการการตลาด แพรนด้า กรุ๊ป เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจากสหรัฐประกาศปรับขึ้นภาษีสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับจากจีนตามนโยบายรัฐบาล จาก 5.5% เพิ่มเป็น 10% มีผลบังคับใช้ในเดือนกันยายนนี้ และล่าสุดได้ประกาศปรับอัตราภาษีอีกระลอก โดยคาดว่าภาษีใหม่จะเพิ่มขึ้นเป็น 15.5% หรือ 25% เป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้โรงงานอัญมณีและเครื่องประดับในจีน ซึ่งมีทั้งสัญชาติจีนและเป็นของนักลงทุนต่างชาติได้ย้ายฐานการลงทุนจากจีนออกมายังประเทศต่าง ๆเช่น เวียดนาม อินเดีย รวมถึงไทย ทำให้เห็นภาพความคึกกคักในการลงทุน เช่น ในนิคมอุตสาหกรรมอัญธานี (เจมโมโพลิส)

“ภาษีเทรดวอร์คลุมเครือ ผู้ประกอบการไม่มั่นใจ แต่สต๊อกหมดต้องเริ่มสั่งซื้อสินค้าไปใช้ช่วงปลายปี ตอนแรกจะขึ้นแค่ 10% ซึ่งยังพอรับได้ แต่ภายหลังประกาศว่าอาจขึ้นไปถึง 15.5% หรือ 25% สูงจนโรงงานในจีนเริ่มรับไม่ได้ เพราะกำไรสินค้าเทียบกับภาษีที่ปรับขึ้นมาไม่คุ้มค่า มีส่วนหนึ่งหันมาออร์เดอร์ไทย ส่วนของเราเพิ่มขึ้นประมาณ 10% มีทั้งสินค้าตลาดล่างไปจนถึงตลาดบน”

นายเดชากล่าวว่า เมื่อออร์เดอร์ทะลักเข้ามาเรา ก็สามารถเพิ่มกำลังการผลิตให้เต็ม 100% ถือว่าพร้อมเต็มที่แต่ยังไม่ขยายกำลังการผลิตหรือรับแรงงานเพิ่ม เพราะช่วงครึ่งปีแรกเราที่ใช้กำลังการผลิตประมาณ 70-80% ยังเหลือช่องว่างอยู่ แต่หากมีความชัดเจนว่าคำสั่งซื้อนั้นมั่นคงอยู่กับหลาย ๆ ปี อาจขยายกำลังการผลิตในอนาคต

นายสุริยน ศรีอรทัยกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิวตี้เจมส์ จำกัด เป็นประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และประธานคลัสเตอร์เครื่องสำอาง กล่าวว่า ตอนนี้บริษัทได้รับคำสั่งซื้อใหม่เพื่อส่งมอบในไตรมาส 4 เพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะในส่วนของทองต้องใช้เพิ่มขึ้นเท่าตัว คาดว่ายอดขายครึ่งปีหลังเฉลี่ยต่อเดือนจะเพิ่มเป็นเดือนละ 250 ล้านบาท จากช่วงครึ่งปีแรกรายได้ 200-250 ล้านบาท

“เทรดวอร์เข้ามาช่วงเดือนเมษายน ตอนนั้นเราปรับลดเป้าหมายรายได้จาก 3,500 ล้านบาท เหลือ 3,200 ล้านบาท เฉลี่ยเดือนละ 200-250 ล้านบาท ครึ่งปีแรกทำได้ 200 ล้านบาท แต่ช่วงครึ่งปีหลังน่าจะได้ 250 ล้านบาท สำหรับออร์เดอร์เพิ่มเข้ามามากอาจจะมากกว่ากำลังการผลิต (capacity) แต่เรารับเท่าที่ทำได้ไม่ขยายกำลังการผลิต ส่วนที่เกินก็กระจายให้โรงงานอื่นที่เป็นพันธมิตรไป”

นายสุริยนกล่าวถึงแนวโน้มการส่งออกครึ่งปีหลังของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับว่ามีโอกาสเติบโต 1% มูลค่า 4 แสนล้านบาท ผลจากลูกค้าที่เคยนำเข้าจากจีนหันมาสั่งซื้อจากไทยแทน ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมนี้ในฐานะอุตสาหกรรมลำดับ 3 ที่สร้างรายได้เข้าประเทศ และมีการจ้างแรงงานที่เกี่ยวข้องกว่า 1.2 ล้านคน

“การส่งออกช่วงครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 26% จากการส่งออกทองคำยังไม่ได้ขึ้นรูปที่เพิ่มขึ้น 26-27% และพลอยเพิ่มขึ้น 17% แต่ส่วนของเครื่องประดับที่ทำจากทองลดลง 9% และเครื่องประดับที่ทำจากเงินลดลง 17% หลังจากผลพวงจากสงครามการค้าที่ทำให้บรรยากาศและจับจ่ายสินค้ากลุ่มนี้ชะลอลงในช่วงครึ่งปีแรก ทั้งไทย จีน ฮ่องกง อิตาลี และฝรั่งเศส โรงงานอัญมณีในจีนปิดตัวลงหลายสิบโรงงาน ออร์เดอร์ย้ายมาที่ไทยในงานบางกอกเจมส์ครั้งนี้ (ครั้งที่ 64) ก็เห็นภาพความคึกคัก”

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มครึ่งปีหลังยังต้องติดตามสถานการณ์การส่งออกทองคำที่มีความผันผวนด้านราคา และตลาดฮ่องกงเป็นตลาดทองคำสำคัญซึ่งมีปัญหาเรื่องชุมนุม

“เท่าที่ทราบมีเอกชนไทยลงทะเบียนร่วมงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในฮ่องกง ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-22 กันยายนนี้ ประมาณ 500 รายเกือบ 50% ของงาน ทางฮ่องกงไม่ประกาศยกเลิกงานเพราะมีการรับจองไปหมดแล้วเป็นเงินจำนวนมาก ทางเราก็แจ้งทุกคนว่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น กระทรวงการต่างประเทศให้ข้อมูลแต่ไม่ได้ห้ามการร่วมงาน ดังนั้น การพิจารณาจะเข้าร่วมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละบริษัทว่ามีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางไปร่วมมากน้อยแค่ไหน”

ในส่วนของบิวตี้เจมส์แจ้งว่าไม่ต้องการให้เข้าร่วม เพราะเราไม่รู้ว่าลักษณะสถานการณ์ในฮ่องกงจะเหมือนกับไทยหรือไม่อย่างไร แต่ก็มีพนักงานส่วนหนึ่งที่มั่นใจว่าจะเดินทางไปก็ต้องเพิ่มความระมัดระวัง

สอดคล้องกับแพรนด้าฯซึ่งทางนายเดชากล่าวว่า พื้นที่จัดงานจะอยู่ห่างจากจุดชุมนุมไม่มาก แต่เท่าที่สอบถามข้อมูลผู้ประกอบการก็ยังเข้าร่วมงาน แม้ว่าจะมีการยกเลิกบ้างแต่ไม่ถึง 50% และในส่วนผู้นำเข้าจากยุโรปก็ยืนยันว่าจะเข้าร่วมงานไม่ได้เกิดความวิตกกังวล (panic) ประเมินว่าสถานการณ์น่าจะไม่รุนแรงมากเท่ากับภาพที่ปรากฏเป็นข่าว

“ปกติงานแฟร์บางกอกเจมส์จะจัดก่อนงานที่ฮ่องกง แต่ที่ฮ่องกงเป็นงานขนาดใหญ่ มีลูกค้าบางคนที่ไม่มาไทยแต่ไปฮ่องกงเลยก็มี ปีนี้ก็มีส่วนหนึ่งที่กังวลและมาบางกอกเจมส์แทน แต่ด้วยระยะเวลาที่กระชั้นชิดมากจึงเปลี่ยนแปลงกำหนดการเดินทางไม่ทันก็มี”