โชว์ฝีมือกู้วิกฤตเศรษฐกิจขาลง

บทบรรณาธิการ

เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทยที่ยังไร้วี่แววข่าวดี ทำให้บรรยากาศโค้งสุดท้ายปลายปี 2562 ต่างไปจากหลายปีที่ผ่านมา เวลาที่เหลือเพียงแค่เดือนเศษจะเข้าสู่ศักราชใหม่แม้เป็นช่วงนับถอยหลังก่อนถึงเทศกาลเฉลิมฉลอง แต่เศรษฐกิจปีหน้าที่หลายสำนักฟันธงตรงกันว่าจะหนักหนาสาหัสกว่าปีนี้ ก่อให้เกิดความตระหนกวิตกกังวลไปทั่ว

การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก จากวิกฤตยูโรโซน การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ จีน ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดหลักของสินค้าส่งออกไทย ทำให้ผู้ประกอบการส่งออกรวมทั้งอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกระทบเป็นลูกโซ่ ฉุดเศรษฐกิจไทยที่ก่อนหน้านี้เพิ่งจะโงหัวดิ่งลงซ้ำ ทำให้ไตรมาส 4 ซึ่งปกติการบริโภคจับจ่ายใช้สอยจะคึกคักกลับเงียบเหงา

ทั้ง ๆ ที่รัฐบาลพยายามกระตุ้นทุกวิถีทาง ล่าสุดเปิดให้ลงทะเบียนโครงการ “ชิม ช้อป ใช้” เฟส 3 ซึ่งกระทรวงการคลังดำเนินการต่อเนื่องจาก “ชิม ช้อป ใช้” เฟส 1 และเฟส 2 โครงการดังกล่าวแม้จะได้รับการตอบรับเกินคาด แต่ออกฤทธิ์แค่ระยะสั้น ปลุกกำลังซื้อได้ชั่วคราว เช่นเดียวกับโครงการร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทย ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาผลักดัน ไม่เหมือนบัตรสวัสดิการคนจน กับการจ่ายค่ายังชีพให้ผู้สูงอายุ ซึ่งได้ผลมากกว่าแต่ต้องใช้วงเงินงบประมาณก้อนโตกว่า

มองไปข้างหน้าปี 2563 ความเสี่ยงเศรษฐกิจการเมืองโลก สงครามการค้า ค่าบาทแข็ง ยังดำรงอยู่ ขณะที่การบริโภค การลงทุนภายในประเทศยังไม่ฟื้น จึงน่าห่วงว่าเศรษฐกิจไทยอาจมีปัญหายิ่งกว่าปีนี้ โดยเฉพาะภาคส่งออกที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่าทั้งปีจะขยายตัวติดลบ 1-0.10% ขณะที่ปี 2563 จะเติบโตแค่ 1-2%

รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องพร้อมรับมือปัจจัยลบจากปีนี้ไปถึงปีหน้า กระทรวงเศรษฐกิจเสาหลักต้องผนึกกำลังบูรณาการทำงาน เพราะโจทย์ใหญ่หลากหลาย ปัญหาเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกัน หากแต่ละหน่วยงานยังต่างคนต่างทำไม่สอดประสานเหมือนที่เป็นอยู่ขณะนี้คงสำเร็จได้ยาก มิหนำซ้ำแก้ปัญหาหนึ่งอาจสร้างอีกปัญหาตามมา

ที่สำคัญฝ่ายการเมืองในฐานะผู้กุมอำนาจบริหารควรใช้โอกาสนี้แสดงฝีมือ ผลงานให้ประจักษ์ ด้วยการแท็กทีมสกัดจุดอ่อน จุดเสี่ยงเศรษฐกิจแบบข้ามพรรค ข้ามกระทรวง สร้างความเข้มแข็งให้คนระดับฐานราก เกษตรกร คนชั้นกลาง ที่ยังอ่อนแอและต้องการความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังความสามารถให้สมกับที่การขันอาสาเข้ามารับใช้ประเทศชาติ ขณะเดียวกันก็ล้างภาพลักษณ์เดิม ๆ ที่ถูกมองว่า ทำทุกอย่างเพื่อสนองเป้าหมายทางการเมืองเป็นหลัก เรื่องส่วนรวม ประเทศชาติ เป็นภารกิจลำดับรอง