จับ “ลาซาด้า” ปล่อยพ่อค้าโขกราคาหน้ากากอนามัย

“จุรินทร์” เดินหน้าแจ้งจับลาซาด้า แพลตฟอร์มค้าออนไลน์ หลังปล่อยให้ผู้ค้าในระบบ ค้าหน้ากากอนามัยแพง จากก่อนหน้านี้ขอความร่วมมือในการดูแล ขณะที่ผู้ค้าแพงดำเนินคดีด้วย ล่าสุดแจ้งจับผู้ค้าแพงเพิ่ม 8 ราย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการจับกุมผู้กักตุนและขายหน้ากากอนามัยเกินราคา ร่วมกับผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ และทีมงาน ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินคดีกับแพลตฟอร์มลาซาด้า ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มค้าออนไลน์ จำนวน 3 คดี เพราะกระทำความผิดตามกฎหมาย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้เคยเชิญมาหารือและขอความร่วมมือให้ช่วยสอดส่องดูแลผู้ค้าหน้ากากอนามัยไม่ให้มีการจำหน่ายสินค้าเกินราคา และได้แจ้งให้ทราบถึงข้อกฎหมายและโทษที่จะได้รับ หากปล่อยให้มีการกระทำผิดกฎหมายบนแพลตฟอร์ม

สำหรับ 3 คดีนั้น ได้แก่ 1.ร้านขายยาชื่อดีดี ฟาร์มา ที่ขายหน้ากากอนามัยในลาซาด้า มีของกลาง 28 กล่อง โดยขายกล่องละ 1,100 บาท เฉลี่ยชิ้นละ 22 บาท และพบมีโค้ดลาซาด้าอยู่บนกล่องที่เตรียมส่งมอบ ซึ่งได้แจ้งความดำเนินคดีทั้งร้านขายยา และกรรมการผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทยของลาซาด้า ในฐานะตัวการร่วมแล้ว โดยโทษขายเกินราคาควบคุม จำคุก 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และโทษค้ากำไรเกินควร จำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2.ร้าน 928 Shop จำหน่ายหน้ากากอนามัยในราคา 1,099 บาท เฉลี่ยชิ้นละ 22 บาท มีหลักฐานเอกสารของลาซาด้าในการรับคำสั่งซื้อและส่งสินค้า โดยผู้ซื้อได้มีการรับสินค้าเรียบร้อยแล้วในวันที่ 10 มี.ค.2563 ซึ่งเท่าที่ติดตามพบว่าปิดร้านไปแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ทั้งขายเกินราคาและค้ากำไรเกินควรกับร้าน 928 Shop และลาซาด้า

3.ร้าน Appliance & Safety (NK) ขายในราคากล่องละ 1,299 บาท หรือเฉลี่ยชิ้นละ 26 บาท ได้แจ้งข้อหาขายเกินราคาควบคุมและค้ากำไรเกินควรเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ ยังได้ตรวจสอบพบว่ามีความพยายามที่จะหาลู่ทางในการค้ากำไรเกินควร โดยปรับเปลี่ยนรูปแบบไปขายตามราคาควบคุม แต่คิดค่าขนส่งแพงมาก ขอเตือนว่าผิดกฎหมาย เข้าข่ายขายเกินราคาและขายในราคาสูงเกินสมควร โดน 2 ข้อหาเช่นเดียวกัน เพราะคำว่าราคาควบคุมนั้น รวมทั้งตัวสินค้าและค่าบริการด้วย ดังนั้น ค่าขนส่งถือเป็นค่าบริการ จึงอยู่ในกฎหมายเช่นเดียวกัน ใครที่กำลังทำอยู่ ก็มีความผิดตามกฎหมาย

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ผลการจับกุมดำเนินคดีผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ของวันที่ 10 มีนาคม 2563 มีจำนวน 8 ราย ดังนี้

กรุงเทพฯ จำนวน 3 ราย โดยเป็นการกระทำผิดในข้อหาขายเกินราคาควบคุม 2 ราย และข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย 1 ราย

ต่างจังหวัด จำนวน 5 ราย ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดขอนแก่น จังหวัดสกลนคร และจังหวัดสมุทรปราการ โดยเป็นการกระทำผิดในข้อหาขายเกินราคาควบคุมทั้ง 5 ราย

โดยสถิติการจับกุมดำเนินคดีผู้กระทำความผิดถึงวันที่ 10 มีนาคม 2563 มีการจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว รวมทั้งสิ้น 115 ราย แบ่งเป็นการจับกุมในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 80 ราย และในต่างจังหวัด 35 ราย โดยแยกเป็นความผิดแต่ละข้อหาจากจำนวนการจับกุม 115 ราย ดังกล่าว พบว่าเป็นการจับกุมข้อหาขายเกินราคาควบคุม 10 ราย ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคา 29 ราย และข้อหาขายแพงเกินสมควร 76 ราย ในจำนวนนี้เป็นการกระทำความผิดจากการขายผ่านออนไลน์จำนวน 16 ราย และมีผู้ถูกจับกุมทั้งในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

ทั้งนี้ ผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ในข้อหาขาย เกินราคาควบคุมจะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาขายมีอัตราโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท ในข้อหาขายแพงเกินสมควรมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท และหากเป็นผู้นำเข้าหรือตัวแทนจำหน่ายก็ต้องแจ้งปริมาณการถือครองสินค้าต่อกรมการค้าภายใน หากฝ่าฝืนจะมีความผิดซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท ด้วย หากพบเห็นผู้กระทำผิด โปรดแจ้งข้อมูลและหลักฐานมายัง สายด่วน 1569 หรือสื่อโซเชียลของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์