ดีเดย์แบน 3 สารเคมี ‘เกษตรกร’ คืนสินค้าภายใน 90 วัน ฝ่าฝืนคุก 10 ปี ปรับ 1 ล้านบาท

‘มนัญญา’ ดีเดย์นโยบายสารเคมี 1 มิ.ย. เกษตรกรต้องส่งคืนให้ร้านที่ซื้อมาใน 90 วัน ฝ่าฝืนจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท ส่วนเอกชน ร้านค้า จำหน่าย ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ต้องแจ้งสินค้าคงค้างส่งรัฐละเอียดยิบ เพื่อควบคุมปริมาณวัตถุอันตรายที่เหลือทั้งประเทศ

นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติการแบนสารเคมีการเกษตร ให้กับหน่วยงานของกรมวิชาการเกษตร ว่าตามนโยบายการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ประกาศให้คลอไพริฟอส และพาราควอต เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ซึ่งห้ามมิให้ผลิต การนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน หรือการมีไว้ในครอบครอง โดยมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 จึงขอให้เกษตรกร ผู้ค้าผู้จัดจำหน่าย ส่งคืนสารดังกล่าว ในส่วนไกลโพเซต ให้มีการจำกัดการใช้ ซึ่งกรมวิชาการเกษตร เป็นผู้ดูแลและรวบรวมดำเนินการต่อไป

ด้านนางสาวอิงอร ปัญญากิจ รองอธิบดี กรมวิชาการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามที่ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย(ฉบับที่ 6) ผศ. 2563 โดยความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตรายได้ออกประกาศไว้ให้วัตถุอันตราย พาราควอต และ คลอร์ไพริฟอส เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 กรมวิชาการเกษตร ได้ให้ความสำคัญตามประกาศของกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งแนวทางการบริหารจัดการ พาราควอตและคลอร์ไพริฟอส เมื่อประกาศเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 (วอ.4) ใบทะเบียน ใบอนุญาตผลิต และใบอนุญาตครอบครองซึ่งเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 จะสิ้นสุดทันที ดังนั้น ผู้ที่มีพาราควอตและคลอร์ไพริฟอส ไว้ในครอบครองก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2563 ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของกรมวิชาการเกษตร ดังนี้

1.เกษตรกร ส่งคืนให้ร้านที่ซื้อมา ภายใน 90 วัน (ไม่เกิน วันที่ 29 สิงหาคม 2563) 2.ร้านค้าจัดจำหน่าย ส่งคืนผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า และแจ้งปริมาณต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ภายใน 120 วัน (ไม่เกิน วันที่ 28 กันยายน 2563)

3.ผู้ผลิตและผู้นำเข้า แจ้งปริมาณต่อพนักงานเจ้าหน้าที่สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตรเพื่อรวบรวมแจ้งปริมาณวัตถุอันตรายตามแบบ วอ./วก.5 ภายใน 270 วัน (ไม่เกิน วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564)

ทั้งนี้ จากนั้นผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ในการจัดการได้กำหนดวัน วิธี และสถานที่ในการทำลายโดยให้พนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อควบคุมการทำลาย นอกจากนี้ได้กำหนดแนวทางการดำเนินการ เกี่ยวกับการจัดการสารคลอร์ไพริฟอส และพาราควอต ของผู้ครอบครองตามประกาศกระทรวงอุตสหกรม ให้ปฏิบัติป็นไปตามประกาศอย่างเคร่งครัด เนื่องจาก ผู้ที่ฝ่าฝืนให้ระวังโทษ จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมทั้งได้ดำเนินการสร้างการรับรู้ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ฏิบัติงาน เกษตรกรผู้ใช้ ผู้รับจ้าง พ่น ผู้ขาย ผู้นำเข้าผู้ส่งออก ผ่านช่องทางการรับรู้ต่างๆได้แก่ หน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สื่อสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ เว็บไซต์ของกรมวิชการเกษตร การประชุมร่วมกับหน่วยงานจังหวัดและพื้นที่ ศูนย์เรียนรู้และพัฒนาการกษตร (ศพก) และผ่านทางสารวัตรเกษตรอาสา เป็นตัน

นอกจากนี้ ยังได้มอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติสำหรับสารคมีเกษตรที่กำหนดให้เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 และวัตถุอันตรายที่จำกัดการใช้” แก่สารวัตรกษตรและเจ้าหน้าที่ที่กี่ยวข้องในเครือข่ายของ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 5 กรมวิชาการเกษตร ซึ่งในส่วน สวพ.5 มีพื้นที่รับผิดชอบอยู่ในเขตภาคกลางและภาคตะวันตก ครอบคลุม 19 จังหวัด มีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการควบคุมตาพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย7 หน่วยงาน กับอีก 1 กลุ่มงาน มีบุคลากรที่เป็นสารวัตรเกษตร 16 คน เป็นผู้ช่วยสารวัตรเกษตร 28 คน