ซีพีเอฟ กำไร 9 เดือน เฉียด 2 หมื่นล้าน โรค ASF ดันราคาหมู

CPF

ซีพีเอฟ เผย กำไร 9เดือนปีนี้ เฉียด 2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 36%จากปีก่อน กิจการต่างประเทศหนุนกำไร รับอานิสงส์โรค ASF ดันราคาหมูเพิ่ม มั่นใจผลการดำเนินงานปีหน้ายังดีต่อเนื่อง

วันที่ 12 พฤศจิกายน 2563 นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟ รายงานกำไรประจำไตรมาส 3/2563 จำนวน 7,475 ล้านบาท เติบโต 23% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และกำไรสำหรับ 9 เดือนปี 2563 จำนวน 19,614 ล้านบาท เติบโต 36% จากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน

โดยมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและค่าใช้จ่ายภาษีและค่าเสื่อมราคา(EBITDA) จำนวน 61,658 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87% จากปีก่อน ซึ่งเป็น EBITDA ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์

ปัจจัยหลักมาจากภาวะขาดแคลนสุกรในภูมิภาคจากการระบาดของโรค ASF (African Swine Fever) ที่ส่งผลให้ราคาตลาดอยู่ในระดับที่สูงกว่าปีก่อน ประกอบกับความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจสัตว์น้ำในประเทศไทยดีขึ้นต่อเนื่องจากการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดและการปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจ

“ผลการดำเนินงานของซีพีเอฟที่ดีขึ้น ปัจจัยหลักมาจากการขาดแคลนสุกรในภูมิภาคเอเซีย เนื่องจากการระบาดของโรค ASF ที่ทำให้ปริมาณสุกรลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะในเวียดนามและจีน ทำให้ระดับราคาสุกรสูงขึ้นจากปีก่อนอย่างผิดปกติ ทั้งยังส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกร จากที่ยังไม่มีวัคซีน จึงต้องบริหารจัดการฟาร์มอย่างเคร่งครัดตามมาตรฐานชีวภาพ น่าจะยังต้องใช้เวลา หากจัดการไม่ดีอาจเกิดโรคได้ “

นอกจากธุรกิจสุกรแล้ว ผลการดำเนินงานของธุรกิจสัตว์น้ำในประเทศไทยก็มีความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากปีก่อน จากการที่บริษัทปรับรูปแบบและกลยุทธ์ในการทำธุรกิจที่ให้น้ำหนักกับการทำการตลาดภายในประเทศมากขึ้น มองว่าธุรกิจสัตว์น้ำในประเทศไทยและในต่างประเทศจะมีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่องจากนี้ไป


“ปีหน้าบริษัทตั้งเป้าหมายมีกำไรที่ดีต่อเนื่อง จากการขยายธุรกิจและการเพิ่มปริมาณการผลิตในหลายประเทศ โดยคาดว่าราคาสุกรในปีหน้าน่าจะอ่อนตัวลงจากปีนี้แต่คงอยู่ในระดับที่สูง รวมทั้งบริษัทจะมีการรับรู้กำไรเพิ่มขึ้นจากธุรกิจสุกรในประเทศจีนที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยได้อนุมัติให้เข้าทำรายการเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จึงมั่นใจว่าจะยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดี” นายประสิทธิ์กล่าว