พาณิชย์ออก 6 มาตรการฟื้นตลาดข้าวไทย

ภาพ : Pixabay

พาณิชย์ร่วมสมาคมผู้ส่งออกข้าว กำหนดเป้าหมายส่งออกข้าวไทยปีนี้ 6 ล้านตัน พร้อม 6 มาตรการดันส่งออก เร่งทูตพาณิชย์ช่วยขยายตลาดข้าวต่อไป

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย และคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) จากทั่วโลก และมีพาณิชย์จังหวัด 20 จังหวัด

ร่วมประชุมผ่านระบบ Video Conference ว่า ที่ประชุมมีมติกำหนดเป้าหมายส่งออกปี 2564 นี้ 6 ล้านตัน มูลค่า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 150,000 ล้านบาท จากปีที่แล้วส่งออกได้ 5.7 ล้านตัน พร้อมเห็นชอบ 6 มาตรการในการผลักดันการส่งออกข้าวไทย

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

สำหรับเป้าหมายการส่งออกข้าว จะมุ่งเน้น 3 ตลาดสำคัญ คือ ตลาดพรีเมียม เช่น ข้าวหอมมะลิ เป้าส่งออกเพิ่ม 4.8% ข้าวหอมไทย ส่งออกเพิ่ม 5.2% ตลาดทั่วไป ส่งออกข้าวขาว เพิ่ม 4.7% ข้าวนึ่ง เพิ่ม 4.9% และตลาดเฉพาะ ข้าวเหนียว ส่งออกเพิ่ม 3.6% ข้าวกล้องและข้าวสี ส่งออกเพิ่ม 12.5%

ส่วนมาตรการ 6 มาตรการเป้าหมาย 1.กระทรวงพาณิชย์ จะจับมือกับสมาคมฯ เพื่อประชาสัมพันธ์ข้าวไทยด้วยการส่งเสริมภาพลักษณ์ข้าวไทยภายใต้แนวคิด ”Think rice Think Thailand” โดยให้หน่วยงานทั้งทูตพาณิชย์และพาณิชย์จังหวัดทำการประชาสัมพันธ์ในแนวทางเดียวกัน

2.เร่งรัดการเปิดตลาดการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ในเชิงรุก ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ให้ความเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์จัดทำข้อตกลงร่วมกัน (เอ็มโอยู) กับอินโดนีเซีย เพื่อเปิดตลาดข้าวอินโดนิเซีย 4 ปีจำนวนไม่เกิน 4,000,000 ตัน

อีกตลาดคือตลาดบังกลาเทศ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในการทำเอ็มโอยูกับบังกลาเทศ 5 ปี 5,000,000 ตัน คาดอีก 2 สัปดาห์จะ เอ็มโอยูได้ ตลาดอิรักซึ่งเป็นตลาดที่ไทยประสบปัญหาหลายปีที่ผ่านมา เพราะผู้ส่งออกข้าวไทยรายหนึ่งส่งข้าวด้อยคุณภาพไป ทำให้อิรักแบนข้าวไทยเป็นเวลาหลายปี

ขณะนี้ประสบความสำเร็จแล้วอิรักเปิดโอกาสให้ประเทศไทยสามารถเข้าไปประมูลขายข้าวในอิรักได้แล้ว แต่ยังติดเรื่องความเข้าใจมาตรฐานข้าวขาว 100% ข้าวของไทยคือข้าว 5%

ซึ่งจะต้องมีการทำความเข้าใจ และการส่งข้าวไปยังอิรัก ต้องมีเอกสารรับรองจากสถานทูตอิรักประจำประเทศไทย ขณะนี้เราไม่มีสถานทูตอิรักประจำประเทศไทย จะมีการเจรจาขอปรับเงื่อนไขลดอุปสรรค ตลาดจีนที่ได้ทำเอ็มโอยูในอดีตและจีนยังมีภาระตามเอ็มโอยูที่ต้องนำเข้าข้าวเก่าอีก 300,000 ตัน ตกค้างต้องเดินหน้าต่อไป

3.ในการเจรจาเพื่อส่งออกข้าวจะเน้นการเจรจาเพื่อขอลดภาษีนำเข้า ด้วยการใช้ประโยชน์จากการเปิดเสรีทางการค้า (เอฟทีเอ) กับประเทศต่าง ๆ เช่น เม็กซิโก สหภาพยุโรป (อียู) และสหราชอาณาจักร (ยูเค) 4.จับมือกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อลดต้นทุนการส่งออกข้าวให้ผู้ส่งออก เช่น ค่าระวางเรือ เป็นต้น

5.เร่งรัดขยายช่องทางการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ 6.สมาคมฯจะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำการวิจัย พัฒนาพันธุ์ข้าวใหม่ ๆ ทั้ง 3 กลุ่ม คือ ข้าวพื้นนุ่ม พื้นแข็ง ข้าวหอม ด้วยการจัดประกวดพันธุ์ข้าวดังกล่าว และนำไปสู่การส่งเสริมให้มีการส่งออกข้าวทั้ง 3 สายพันธุ์ให้มากขึ้น เพื่อสนองความต้องการของตลาดต่างประเทศ

นอกจากนี้ยังกำหนดให้ทั้ง 6 มาตรการนี้ เป็นวาระในการประชุมของประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและะเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) เพื่อติดตามความคืบหน้าในการดำเนินงานต่อไป

เจริญ เหล่าธรรมทัศน์

ด้าน นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า หากจะส่งออกข้าวให้ได้ 6 ล้านตันไทยต้องส่งออกข้าวให้ได้เดือนละ 5 แสนตัน แต่จากการติดตามสถานการณ์การส่งออกพบว่าไทยส่งออกข้าวสองเดือนแรกอยู่ที่ 8 แสนตัน ซึ่งเกิดจากราคาข้าวไทยสูงกว่าราคาข้าวของคู่แข่ง ซึ่งเกิดจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า ปริมาณข้าวน้อยกว่าปกติที่เกิดจากภัยแล้ง ทำให้ราคาข้าวไทยสูง

นอกจากนี้ ในส่วนของสต๊อกข้าวหอมมะลิ เชื่อว่ายังมีปริมาณเพียงพอในการส่งออก ทั้งปริมาณข้าวเก่าและใหม่ ซึ่งทำอย่างไรจะเร่งระบายข้าวออกไปได้ ส่วนที่ชี้บอกว่าสต๊อกน้อยนั้นไม่น่าเป็นไปได้และไม่เชื่อ ส่วนราคาข้าวไทยยอมรับว่าอาจจะสูงกว่าคู่แข่ง โดยเฉพาะอินเดียที่ห่างกันน่าจะ 100 เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งต้องติดตามเนื่องจากมีผลต่อการแข่งขัน

ด้าน นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ผลผลิตข้าวไทยน้อยเนื่องจากได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง แต่ผลผลิตโลกไม่ได้ลดลง ดังนั้นจึงทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกไม่สูงมากนัก แต่ราคาข้าวไทยที่สูงขึ้นเพราะปริมาณผลผลิตปีนี้ข้าวลดลง และค่าเงินบาทที่แข็งค่า บางช่วงราคาข้าวต่างถึง 100-120 เหรียญ จึงทำให้ตัวเลขการส่งออกลดลง แต่มองว่าสถานการณ์ปีนี้น่าจะดีกว่าปีที่แล้ว ส่วนค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงจะเป็นตัวช่วยให้การส่งออกดีขึ้น

ส่วนราคาข้าวเวียดนามปีนี้ไม่ได้ลดลงมากแต่มีปัญหาเรื่องภาคการผลิตที่น้ำเค็มเข้าไป ทำให้ปริมาณผลผลิตข้าวของเวียดนามลดลงเช่นเดียวกัน ซึ่งภาพรวมหากไทยมีประเทศที่ไม่ได้ทำการค้ากับไทยมานาน หันมาค้าข้าวกับไทย ทั้ง บังกลาเทศ และอินโดนีเซีย ก็จะทำให้การส่งออกข้าวปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายแน่นอน