กกร. เชือด ฟ้าทะลายโจร – ATK แพง 400% Shopee Lazada โดนด้วย

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

จุรินทร์ เชือดค้ากำไรเกินควร “ฟ้าทะลายโจร” 10 ราย- ATK 1 ราย หลังพบขายแพงกว่าราคาที่แจ้งทะลุ 463% พ่วงแจ้งจับ Shopee Lazada ฐานปล่อยขายออนไลน์ผิดกฎหมาย โทษคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท

วันที่ 13 สิงหาคม 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผย หลังจากเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) วันที่ 13 สิงหาคม 2564 ว่า ที่ประชุมพิจารณาดำเนินคดีผู้จำหน่ายฟ้าทะลายโจร ผ่านระบบออนไลน์หรือผ่านแพลตฟอร์มที่เข้าข่ายการค้ากำไรเกินควร 

โดยกรมการค้าภายในได้ดำเนินการจับกุมดำเนินคดีผู้ที่ขายฟ้าทะลายโจรผ่าน 2 แพลตฟอร์ม คือ Lazada และ Shopee  จำนวน 10 ราย 3 ยี่ห้อ 1.ยี่ห้อ อภัยภูเบศร โดยพฤติการณ์เป็นนำฟ้าทะลายโจรยี่ห้ออภัยภูเบศรไปค้ากำไรเกินควร 8 ราย เป็นฟ้าทะลายโจรขนาดบรรจุ 60 แคปซูล ซึ่งราคาแนะนำที่ผู้ผลิตแจ้งกับกรมการค้าภายในจำหน่ายในราคา 80 บาท แต่มีผู้นำไปขายผ่านแพลตฟอร์มในราคาขวดละ 349-450 บาท แพงกว่าราคาที่แจ้งไว้ถึง 336%-463%

2.ยี่ห้อใบห่อ ขนาดบรรจุ 70 แคปซูล ราคาแนะนำ 25 บาท ขายบนแพลตฟอร์ม Lazada  119 บาท สูงกว่าราคาที่แจ้งไว้ 376% จำนวน 1 ราย 3.ยี่ห้อไฟโตแคร์ขายบนแพลตฟอร์ม Shopee ขนาดบรรจุ 100 เม็ด ราคาที่กำหนดไว้ 180 บาท ขายผ่าน Shopee 490 บาท สูงกว่าราคาที่ควรจะเป็น 172% รวม 10 ราย เข้าข่ายค้ากำไรเกินควรผิดมาตรา 29 ของ พรบ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการมีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 7 ปีหรือปรับไม่เกิน 140,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ 

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ของกรมการค้าภายในกับกองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.)จะร่วมกันไปความดำเนินคดีต่อไปทั้งดำเนินคดีกับผู้จำหน่าย และดำเนินคดีกับผู้มีอำนาจตามกฎหมายของแพลตฟอร์ม Lazada และ Shopee ด้วย

พร้อมกันนี้ได้มีการดำเนินคดีกรณีนำชุดตรวจหาเชื้อโควิดด้วยตนเองหรือ antigen test kit ( ATK) ที่กระทรวงสาธารณสุขให้จำหน่ายได้ในร้านขายยาที่มีเภสัชชกรควบคุมนั้น มีการนำไปจำหน่ายในร้านขายยาแห่งหนึ่งที่เข้าข่ายการค้ากำไรเกินควรที่ราคาแนะนำ 350 บาท ที่เป็นราคาที่ผู้นำเข้าแจ้งกับกรมการค้าภายในไว้ ปรากฏว่าไปขายในร้านขายยา 450 บาทสูงกว่าราคาที่ควรจะเป็น 29% ถือว่าผิดตามมาตรา 29 จำคุกไม่เกิน 7 ปีหรือปรับไม่เกิน 140,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ เป็นการขายในร้านขายยาแถวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีไปแล้วเมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา

“และวันนี้ที่ประชุมคณะกรรมการ กกร.มีมติให้ตั้งคณะอนุกรรมการชุดหนึ่งประกอบด้วยปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและอธิบดีกรมการค้าภายในเป็นรองประธาน เลขาธิการ อย.  เลขาธิการ สคบ. อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมบัญชีกลาง ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม และผู้บังคับการตำรวจ ปคบ. เป็นกรรมการ 11 ท่าน จาก5 หน่วยงานสำคัญ เช่น กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์  สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงการคลัง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

โดยให้มีอำนาจหน้าที่ในการติดตามสถานการณ์ วิเคราะห์แนวทางและมาตรการในการกำกับดูแลการจำหน่าย ATK ที่ใช้กับตนเองหรือแบบ Home useให้เป็นทำตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการต่อไป อีกชั้นหนึ่งซึ่งหากประชาชนพบเห็นการค้ากำไรเกินควร ขอให้ร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569″ นายจุรินทร์ กล่าว 

ด้านนายวัฒนศักดิ์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ระบุว่าจากกรณีที่มีการจับกุมผู้จำหน่ายฟ้าทะลายโจรและถ้าประชาชนต้องการรายละเอียดว่าราคาแนะนำหรืออ้างอิงการจำหน่ายปลีกแต่ละชนิดเป็นเท่าใดให้ตรวจสอบได้จากการประกาศไว้และประชาชนสามารถเข้าดูได้ที่เว็บไซต์ของกรมการค้าภายใน ตามลิ้งค์นี้  https://www.dit.go.th/  โดยกองจัดระบบราคาและปริมาณสินค้า กรมการค้าภายในประกาศไว้ตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม 2564 

อย่างไรก็ตาม รายงานกรมการค้าภายในระบุว่ากระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามสถานการณ์มาอย่างต่อเนื่องโดยใช้กฎหมาย หรือ พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ที่มีอยู่นั่นคือมาตรา 28 เกี่ยวกับการแสดงหรือปิดป้ายราคาสินค้า และมาตรา 29 เกี่ยวกับการขายเกินราคา ขายเกินราคาที่สมควร และเกิดความปั่นป่วนทางราคา ซึ่งการดูแลความเป็นธรรมการจำหน่ายชุดตรวจและน้ำยาที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยการติดเชื้อ Covid-19 นั้นก่อนหน้านี้กรมการค้าภายในได้ทำความเข้าใจและขอความร่วมมือกับแพลตฟอร์มออนไลน์ไม่ให้มีการจำหน่ายที่ผิดกฎหมายเนื่องจากชุดตรวจที่ใช้กับตนเองหรือ Home use นั้นจะต้องได้รับคำปรึกษาจากเภสัชกรเท่านั้นซึ่งจะมีการจำหน่ายได้ 3 ช่องทางคือสถานพยาบาลหน่วยงานของรัฐและร้านขายยาที่มีเภสัชกรให้คำแนะนำ ดังนั้นการจำหน่ายออนไลน์ถือว่าผิดกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. และเป็นชนิดที่แตกต่างจากแบบ Professional use และกระทรวงสาธารณสุขให้ความเห็นว่า ATK เป็นเวชภัณฑ์เกี่ยวกับการรักษาโรคตามประกาศ กกร.ฉบับที่8 พ.ศ. 2564 ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2564 

รายงานระบุว่า ด้านคุณสมบัติและเทคนิค ATK ชุดตรวจแบบใช้กับตนเองนั้นแต่ละผลิตภัณฑ์มีความแตกต่างกันทั้งเทคนิค วัสดุ ประสิทธิภาพของน้ำยารวมถึงระยะเวลาการแสดงผลการตรวจ ส่วนการขึ้นทะเบียนชุดตรวจกับนั้นขึ้นกับ อย.กระทรวงสาธารณสุขโดยพิจารณาจากการผ่านมาตรฐานการตรวจสอบความแม่นยำเท่านั้น สำหรับด้านปริมาณชุดตรวจแบบใช้กับตนเองนี้เป็นสินค้าต้องนำเข้าเกือบ 100% สำหรับการคิดต้นทุนและราคาจะพิจารณาจากปริมาณการสั่งซื้อ แหล่งที่มา ยี่ห้อผลิตภัณฑ์ ค่าบริหารจัดการค่าใช้จ่ายด้านการตลาดเป็นต้น อย่างไรก็ตามกรมการค้าภายในได้ให้ทางผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ค้าส่งแจ้งรายละเอียดทั้งกำลังการผลิต จำนวน ปริมาณ ราคาต้นทุน รายละเอียดตามกฎหมายทั้งนี้เมื่อมีประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมร้องเรียนมาก็จะได้มีการสืบสวนสอบสวนราคาเพื่อปฏิบัติตามกฏหมายมาตรา 28 และ 29 ของ พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ต่อไป 

สำหรับ ผู้เข้าร่วมประชุม กกร. วันนี้ ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รองประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านระบบบริการสุขภาพสมาคมเวชสาระสนเทศไทย กรมการค้าภายใน เป็นต้น

ด้านนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในเรื่องราคาจำหน่าย ATK ในท้องตลาด ขณะนี้ กรมการค้าภายใน ได้แจ้งให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า แจ้งต้นทุนการผลิต การนำเข้า และราคาที่จะตั้งขายมาให้กรมพิจารณา ล่าสุดได้แจ้งเข้ามาแล้ว 10 แบรนด์ จากที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) 34 ยี่ห้อ โดยผู้ผลิต ผู้นำเข้าได้แจ้งราคาที่จะขายเฉลี่ยที่ชุดละ 250-350 บาท ส่วนที่เหลือ คณะอนุกรรมการ จะพิจารณาราคาขายที่เหมาะสมของแต่ละรายต่อไป และจะประกาศราคาแนะนำขายของแต่ละยี่ห้อที่เว็บไซต์กรมการค้าภายใน www.dit.go.th ส่วนราคายาฟ้าทะลายโจร ได้นำเผยแพร่บนเว็บไซต์แล้ว 

“ชุดตรวจ ATK  ที่วางขายในท้องตลาดขณะนี้ มีประมาณ 10 แบรนด์ ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ชุดละ 250-350 บาท ส่วนอื่นๆ อยู่ระหว่างการพิจารณาราคาขาย ถ้าประชาชนพบเห็น ผู้ค้ารายใดขายราคาสูงเกินกว่านี้ แจ้งมาได้ที่สายด่วนโทร. 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ จะส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบ ถ้าพบค้ากำไรเกินควรจริง จะมีความผิดตามมาตรา 29 มีโทษหนักทั้งจำ และปรับ”