จับตาพายุลูกใหม่ “ไลออนร็อก” จ่อเข้าไทย 11 ต.ค.นี้ อีสานโดนก่อน

ทีมกรุ๊ป จับตา
ภาพจาก มติชน
อัพเดตข่าว 6 ต.ค.64 เวลา 06.01 น.

ทีมกรุ๊ป จับตาพายุลูกใหม่ “ไลออนร็อก” จ่อเข้าไทย 11 ต.ค.นี้ ภาคอีสานโดนก่อน คาดช่วยเติมน้ำในอ่างเก็บ เชื่อเป็นผลดีมากกว่าผลเสีย กรมอุตุฯเตือน 24 ชั่วโมงข้างหน้า กทม.และปริมณฑล ภาคกลาง ตะวันออก ภาคใต้ยังมีฝนตกหนักเฉลี่ยร้อยละ 70 ของพื้นที่ แนะประชาชนติดตามใกล้ชิด

เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2564 นายชวลิต จันทรรัตน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) TEAMG หรือทีมกรุ๊ป ซึ่งมีประสบการณ์ความชำนาญในด้านการบริหารจัดการน้ำมากกว่า 30 ปี วิเคราะห์พายุหมายเลข 17 “ไลออนร็อก” เป็นชื่อฮ่องกงตั้ง ขึ้นฝั่งล่าช้ากว่าปกติ จากเดิม 7-9 ต.ค. แต่พายุขึ้นไปทางเหนือ อ้อมไปที่เกาะไหหลำ ก่อนจะมาขึ้นเมืองวิญ ประเทศเวียดนาม

ทั้งนี้ การรวมตัวกันช้า เมื่อเข้าไทยจึงมีพลังมากพอ เพราะรวมพลังครั้งใหญ่ผ่านทะเลรวบรวมความชื้นมากขึ้น โดยจะเข้าไทยที่ จ.นครพนม ฝนที่นครพนมจะตกหนักช่วงวันที่ 11-12 ต.ค. เช่นเดียวกับที่ จ.บึงกาฬ จ.อุดรธานี แต่ไม่น่าห่วง เพราะสามารถระบายลงแม่น้ำโขงได้เร็ว

อย่างไรก็ตาม พายุหมายเลข 17 “ไลออนร็อก” จะช่วยเติมน้ำอ่างเก็บน้ำลำปาว และอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ ให้มีปริมาณน้ำมากขึ้น จากที่ปัจจุบัน ทั้ง 2 อ่างมีปริมาณน้ำกักเก็บไม่มาก

สำหรับ “พายุไลออนร็อก” มีโอกาสจะข้ามภูเขามาถึง จ.น่าน ซึ่งอาจทำให้มีฝนตกเหนือเขื่อนสิริกิติ์และเขื่อนภูมิพล ซึ่งตอนนี้มีน้ำไม่ถึง 40% ส่วนฝนที่ตกใต้เขื่อน ลำน้ำน่าน มีพื้นที่เพียงพอที่จะรับน้ำได้ นับเป็นผลดีมากกว่าผลเสีย

ขณะที่วันนี้ (6 ต.ค.) กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่าลักษณะอากาศทั่วไปร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ไว้ด้วย

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 6-11 ต.ค. 64 หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลางมีแนวโน้มที่จะทวีกำลังแรงขึ้น และเคลื่อนตัวเข้าใกล้เกาะไหหลำ ประเทศจีน ขอให้ประชาชนติดตามข่าวพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้
ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์
อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 5-15 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์
สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ราชบุรี
นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร
อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส
ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส
ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี
อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 27-31 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-20 กม./ชม.