ผนึก 17 องค์กรแก้กาฬโรคม้า ชู “กีฬาแข่งม้า” ฟื้นเศรษฐกิจ

กาฬโรคม้า 2 ปี ไทยสูญม้า 600 ตัว อุตสาหกรรม-กีฬา-ท่องเที่ยวช้ำทั้งระบบ ส.กีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทยผนึกเครือข่าย 17 องค์กรปลดล็อก

นายนารา เกตุสิงห์ เลขาธิการสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงแนวทางการขอคืนสถานะให้ประเทศไทยจากประเทศที่ติดลิสต์ที่มีการแพร่ระบาดของกาฬโรคแอฟริกันในม้า (African Horse Sickness : AHS) นับตั้งแต่ปี 2563 ว่า ขณะนี้สมาคมและกรมปศุสัตว์ดำเนินการภายใต้ระบบ public private partnership หรือภาคีเครือข่ายภาคเอกชนและรัฐบาล 17 องค์กร

โดยล่าสุดได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญจากองค์การปศุสัตว์โลกที่เชิญเข้ามาเพื่อเตรียมพร้อมการปฏิบัติการเช็กลิสต์เพื่อจะได้ปลดสถานะ โดยในช่วงเวลานับจากเกิดการแพร่ระบาดเมื่อปี 2563 มีจำนวนม้าตาย 600 ตัว คิดเป็นประมาณ 20% ของระบบ แต่ขณะนี้ไม่พบม้าตายแล้ว

“ที่ผ่านมาหลายฝ่ายอาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับการขอคืนสถานะจากโรคนี้ เพราะเราไม่ได้ส่งออกเนื้อม้า ไม่ได้มีตัวเลขเศรษฐกิจ แต่หากคำนวณดูถ้าไทยสามารถกลับมาจัดการแข่งขันกีฬาขี่ม้าเหมือนเดิม จะมีการส่งม้าเข้ามาพร้อมคนเลี้ยงคนขี่ เทรนเนอร์ สร้างรายได้ให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โรงแรม ท่องเที่ยว อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น อุปกรณ์การเลี้ยง สร้างอาชีพให้ผู้เลี้ยง และสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรที่ปลูกหญ้าเฉพาะสำหรับการเลี้ยงม้าที่ขายได้ กก.ละ 8 บาท ซึ่งสูงพอ ๆ กับราคาข้าวโพด และที่ผ่านมายังขาดแคลน โรคนี้ทำให้เกิความสูญเสียทางเศรษฐกิจเพราะเราจัดแข่งขันกีฬาไม่ได้ ไม่ใช่บนฐานที่แค่โควิด เป็นเรื่องโรคม้า แต่เราจัดได้แบบไม่มีคนดูและภายในเท่านั้น ถ้าเราจัดม้าที่ส่งมาแข่งมันกลับออกไปไม่ได้เพราะติดเรื่องที่ไทยติดสถานะนี้”

“การจะทำให้ไทยกลายเป็นประเทศเขียวเหมือนโควิด คือต้องทำอย่างไรก็แล้วแต่ให้เป็นไปตามที่ WHO กำหนด ต่างชาติเขาเชื่อถือ ซึ่งการปลดล็อกโรคม้าก็ต้องทำตามระบบขององค์กรปศุสัตว์โลก ซึ่งมีเช็กลิสต์เยอะมาก ปศุสัตว์ทำคนเดียวไม่ไหวต้องมี public private partnership ภาคีเครือข่ายภาคเอกชนและรัฐบาลร่วมกันดำเนินการ ผู้เชี่ยวชาญช่วยแนะนำการทำตามเช็กลิสต์ และการทำฟรีโซนในเกมการแข่งขันขี่ม้าใหญ่ ๆ เช่น เอเชียนเกมส์ โอลิมปิกเกมส์ ซีเกมส์”

สำหรับเงื่อนไขในการคืนสถานะ เช่น คุณต้องตรวจเลือดม้าเป็นเวลา 2 ปี ไม่ใช่เฉพาะในพื้นที่ที่ระบาดแต่ต้องตรวจในพื้นที่ที่ไม่ระบาดด้วย โดยใช้วิธีการสุ่มตรวจและส่งรายงานไปเรื่อย ๆ ต้องขอใบอนุญาตเคลื่อนย้ายเหมือนทำไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อโควิด โดยวันนี้เป็นสัญญาณที่ดีแล้ว เพราะไม่มีม้าตายแล้ว จากก่อนหน้านี้จะแบ่งภาพเป็นช่วงโรคระบาด

และตอนนี้เป็นช่วงที่เฝ้าระวัง คือ ห้ามใช้วัคซีนแล้ว เพราะวัคซีนเป็นเชื้อเป็น ซึ่งหากมียุงกัดม้าที่ฉีดนี้แล้วไปกัดตัวที่ไม่เป็นก็อาจเป็นได้ แต่เชื้อในวัคซีนอาจจะไม่ใช่เชื้อรุนแรงขั้น 3 คือ การขอคืนสภาพ ซึ่งเป็นขั้นสุดท้าย มันต้องทำคู่ขนานกันไป

นอกจากนี้ ในเช็กลิสต์ยังให้มีการประชาสัมพันธ์ให้รู้ว่ามีโรคระบาดหรือไม่ พร้อมทั้งจะต้องทำฐานข้อมูลม้าทั้งระบบ โดยสมาคมทำในส่วนของสมาชิก 140 ตัวจากเดิม เฉพาะม้ากีฬาที่มาลงทะเบียนแข่ง แต่ตอนนี้ต้องไปดูทั้งม้าเด็ก ม้าชั้นเรียนด้วย ซึ่งขณะนี้ทยอยทำไปแล้ว 40% เฉพาะสมาชิก ส่วนที่เหลือในระบบทางกรมปศุสัตว์เป็นผู้ดำเนินการ