พาณิชย์เดินหน้าแผนส่งออกปี’65 คาดทั้งปีโต 3-4%

ส่งออก

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ มั่นใจส่งออกปี 2565 ยังขยายตัวต่อเนื่อง คาดขยายตัว 3-4% แม้ในช่วงครึ่งปีแรก จะได้รับผลกระทบจากโอมิครอน แต่ครึ่งปีหลังฟื้นแน่ จากเงินบาทยังเอื้อ น้ำมันหนุนสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง RCEP ช่วยเพิ่มโอกาสค้าขาย

วันที่ 18 มกราคม 2565 นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า แผนในการขับเคลื่อนการส่งออกไทยในปี 2565 กรมมองว่าการส่งออกในปี 2565 จะยังมีการขยายตัว แม้อัตราการขยายตัวจะชะลอตัวลงจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน

แต่ในภาพรวมการส่งออกในปีนี้น่าจะยังขยายตัวเป็นบวกได้ในระดับ 3-4% มูลค่าประมาณ 8.98–9.07 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นการประเมินของสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และยังสอดคล้องกับการประเมินของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ 3.5% การประเมินของ กรอ.พาณิชย์ที่ 3-5% และสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ที่ 5-8%

ภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์
ภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์

สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนการส่งออกในปี 2565 มาจากเศรษฐกิจคู่ค้ามีทิศทางขยายตัว โดยคาดว่าผลกระทบจากโอมิครอนจะจำกัดอยู่ในช่วงครึ่งปีแรก และจะฟื้นตัวในระยะต่อไป ค่าเงินบาทอยู่ในระดับที่เอื้อต่อการส่งออก ราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูง ส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล ช่วยให้การเจรจาออนไลน์มีการเติบโตต่อเนื่อง การมีผลบังคับใช้ของ RCEP ช่วยสนับสนุนการส่งออก และกรมยังมีแผนเร่งทำ Mini FTA กับเมืองใหม่ที่มีศักยภาพ และจะมีการลงนามในเร็ว ๆ นี้ คือ รัฐเตรังคานาของอินเดีย และมณฑลกานซู่ของจีน รวมถึงเมืองรองใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ

นายภูสิตกล่าวว่า กรมมีแผนขับเคลื่อนการส่งออกให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยได้เตรียมกิจกรรม ทั้งตลาดหลัก ตลาดรอง และตลาดใหม่ มีทั้งกิจกรรมออนไลน์ ออฟไลน์ เช่น การจัด Online Business Matching ทุกภูมิภาค ทุกสินค้า การจัดงานแสดงสินค้าในประเทศในรูปแบบ Virtual/Online Exhibition ได้แก่ งาน THAIFEX ANUGA Asia, งาน Bangkok Gems & Jewelry Fair (BGJF) และงาน TILOG เป็นต้น การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ได้แก่ amazon.com (สหรัฐ) และ ozon.ru (รัสเซีย)

นอกจากนี้ ยังมีแผนผลักดันสินค้าในกลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร และสปา (Hospitality) การส่งเสริมสินค้าและบริการไทยเข้าสู่ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และจัดเลี้ยง (Horeca) การประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์สินค้าไทย
การส่งเสริมสินค้าอาหาร นวัตกรรมอาหาร ข้าวไทย และธุรกิจบริการและดิจิทัล เป็นต้น

ขณะเดียวกันมีแผนและโครงการที่จะเน้นการส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตร อาหาร เครื่องดื่ม และธุรกิจบริการอาหาร เป็นการเฉพาะอีก 56 โครงการ แยกเป็นสินค้าเกษตรและอาหาร 13 โครงการ เช่น การจัดงานแสดงสินค้า และการเข้าร่วมงานแสดงสินค้า และจัดเจรจาจับคู่ธุรกิจ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายกับห้างสรรพสินค้าและคู่ค้า 21 โครงการ

การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าเพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตร อาหาร และเครื่องดื่มของไทย 2 โครงการ การส่งเสริมการส่งออกและสร้างภาพลักษณ์สินค้าข้าวและผลิตภัณฑ์ 8 โครงการ การประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าเกษตร อาหาร และเครื่องดื่มของไทย 3 โครงการ และการพัฒนาและส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศธุรกิจบริการอาหาร 9 โครงการ

นายภูสิตกล่าวว่า กรมยังจะให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green หรือ BCG Model) ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติของรัฐบาล โดยจะมุ่งขับเคลื่อนสินค้าศักยภาพ 5 กลุ่ม คือ อาหารแห่งอนาคต อาหารสัตว์เลี้ยง บรรจุภัณฑ์ ไลฟ์สไตล์ และเครื่องสำอางสมุนไพร โดยมีเป้าหมายช่วยผู้ประกอบการทำตลาด 2,056 ราย สร้างมูลค่าการค้า 517.60 ล้านบาท

ส่วนการพัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ให้เข้าสู่เวทีการค้าระหว่างประเทศ กรมมีเป้าหมายที่จะอบรม สัมมนา และพัฒนาผู้ส่งออกรายใหม่จำนวน 13,170 ราย เช่น การพัฒนาผู้ประกอบการเข้าสู่การค้าออนไลน์ระหว่างประเทศ การผลักดัน SMEs ผู้ผลิตสินค้าชุมชน เป็นผู้ส่งออกรุ่นใหม่ การจัดทำโครงการ Salesman จังหวัด Go Inter รุ่นที่ 2 และการผลักดันนิสิต นักศึกษา ในโครงการ From Gen Z to be CEO ที่จะมีการดำเนินการต่ออย่างเข้มข้น

ทางด้านการประเมินผลกระทบจากโอมิครอน กรมได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งมาตรการป้องกันการระบาดที่คู่ค้านำมาใช้ และผลกระทบต่อการส่งออกของไทย หากมีปัญหาและอุปสรรคเกิดขึ้น ก็ให้รายงานเข้ามาทันที เพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหาได้ทันการ และยังได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์เร่งสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้นำเข้าสินค้าไทยว่าสินค้าไทยมีคุณภาพ มาตรฐาน มีระบบป้องกันโควิด-19 ด้วย