ปลดล็อกกัญชาต้องไม่กระทบเกษตรกร งัด พ.ร.บ.พันธุ์พืช ปิดทางนำเข้าเมล็ดพันธุ์

“มนัญญา” ตอบข้อกังวลปลดล็อกกัญชา กัญชงหลุดยาเสพติดให้โทษ ย้ำกรมวิชาการเกษตรจัดทำมาตรการรองรับไม่ให้ส่งผลกระทบเกษตรกร งัด พ.ร.บ.กักพืชและพันธุ์พืช ปิดทางนำเข้าเมล็ดพันธุ์ ช่อดอก ได้อย่างเสรี พร้อมเดินหน้าวิจัยและพัฒนาพันธุ์พืชสกุลกัญชารองรับความต้องการปลูกของเกษตรกร

วันที่ 27 มกราคม 2565 นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ตามที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) มีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุขให้กัญชาและกัญชงพ้นจากยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 5 ยกเว้นสารสกัดจากทุกส่วนของพืชกัญชาหรือกัญชง ซึ่งเป็นพืชในสกุลแคนาบิส ตั้งแต่ร้อยละ 0.2 โดยน้ำหนักยังเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องหลายฝ่ายมีข้อกังวลในหลายประเด็น จึงได้สั่งการให้กรมวิชาการเกษตรเตรียมความพร้อมจัดทำมาตรการรองรับทุกข้อกังวลก่อนที่จะมีมติดังกล่าวออกมา

นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ในประเด็นที่เป็นข้อกังวลเรื่องความพร้อมของเกษตรกรและพันธุ์พืชสกุลกัญชาที่จะใช้ปลูกนั้น การดำเนินงานที่ผ่านมากรมวิชาการเกษตรได้รวบรวม ศึกษา และขยายพันธุ์กัญชาพันธุ์พื้นเมืองของไทย และพันธุ์การค้าจากต่างประเทศรวม 87 แหล่งปลูก จำนวน 39 พันธุ์

ซึ่งกรมพร้อมที่จะผลิตต้นพันธุ์เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรนำไปปลูกได้อย่างเพียงพอ ทั้งนี้ กรมได้จัดทำคู่มือการปลูกพืชสกุลกัญชาที่ถูกต้องตามหลักวิชาการและครอบคลุมในทุกมิติเผยแพร่ไปสู่เกษตรกรแล้ว และยังได้ร่วมกับกรมพัฒนาที่ดินจัดทำแผนที่ความเหมาะสมการปลูกพืชสกุลกัญชาในแปลงปลูกของประเทศไทยด้วย ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปสืบค้นข้อมูลได้ที่ www.doa.go.th บนเมนู “กัญชง กัญชา”

นอกจากนี้ กรมยังสนับสนุนการนำพันธุ์กัญชา กัญชงมาแจ้งขึ้นทะเบียนพันธุ์ โดยปัจจุบันมีพันธุ์กัญชาที่ได้หนังสือรับรองพันธุ์พืชขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตรแล้วจำนวน 5 พันธุ์ คือ อิสระ01 หางกระรอกภูพานเอสที 1 หางเสือสกลนครทีที 1 ตะนาวศรีก้านขาวดับเบิลยูเอ 1 ตะนาวศรีก้านแดงอาร์ดี 1

และกัญชงจำนวน 8 พันธุ์ คือ อาร์พีเอฟ 1 อาร์พีเอฟ 2 อาร์พีเอฟ 3 อาร์พีเอฟ 4 อาร์พีเอฟ 5 อาร์พีเอฟ 6 อาร์พีเอฟ 7 อาร์พีเอฟ 8 รวมทั้งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดการตรวจสอบลักษณะประจำพันธุ์ของพืชสกุลแคนาบิสที่ขอจดทะเบียนเป็นพันธุ์พืชใหม่เพื่อให้ได้รับการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. 2542

โดยกัญชากัญชงจะเป็นพืชที่สามารถนำพันธุ์ใหม่มายื่นขอจดทะเบียนรับความคุ้มครองได้ ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมให้นักปรับปรุงพันธุ์วิจัยและพัฒนาพันธุ์พืชสกุลกัญชาให้มีความหลากหลายของพันธุ์มากขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่เกษตรกร พร้อมกันนี้กรมวิชาการเกษตรยังได้เปิดขอบข่ายการรับรองแหล่งผลิตพืชกัญชากัญชงตามมาตรฐาน GAP เพื่อรองรับการปลูกที่ปลอดภัย ในเกรดที่นำไปทำเป็นยา และสำหรับบริโภคได้

อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าวว่า สำหรับข้อกังวลเรื่องการนำเข้าเมล็ดพันธุ์ และช่อดอก พืชสกุลกัญชาจากต่างประเทศได้อย่างเสรีนั้น กรมวิชาการเกษตรมีมาตรการทางฎหมายที่กำกับดูแลการนำเข้า คือ พ.ร.บ.กักพืช พ.ศ. 2507 โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สามารถประกาศให้พืชสกุลกัญชาเป็นสิ่งต้องห้ามได้ หากวิเคราะห์ความเสี่ยงแล้วพบว่าประเทศต้นทางมีศัตรูพืชที่ร้ายแรง ซึ่งเป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยการนำเข้าสิ่งต้องห้ามที่ผ่านการวิเคราะห์ความเสี่ยงศัตรูพืชต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมวิชาการเกษตร แจ้งนำเข้าที่ด่าน พร้อมแนบใบรับรองสุขอนามัยพืชกำกับมาด้วย

รวมทั้งต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการที่กำหนด พร้อมกับยังต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.พันธุ์พืช พ.ศ. 2518 ซึ่งเมล็ดพันธุ์กัญชาและกัญชงเป็นเมล็ดพันธุ์ควบคุมการนำเข้า ส่งออก ขาย และรวบรวมจะต้องขออนุญาต และต้องไม่ใช่พืชดัดแปลงพันธุกรรม

นอกจากนี้ ยังสามารถกำหนดมาตรกรการนำเข้าตามมาตรฐานการผลิตพืชโดยทำข้อตกลงกับประเทศต้นทางพืชที่จะนำเข้าได้นั้นจะต้องมาจากแปลงปลูกที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตพืช GAP และผ่านการคัดบรรจุจากโรงคัดบรรจุที่ได้มาตรฐาน GMP ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานสุขอนามัยพืชตามมาตรฐานสากล เพื่อป้องกันการปนเปื้อนสารเคมีและศัตรูพืชมากับผลผลิต รวมทั้งเชื้อโรคต่าง ๆ เช่น เชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะเป็นมาตรการที่จะช่วยป้องกันไม่ให้มีการนำเข้าเมล็ด ใบ และดอกกัญชาจากต่างประเทศเข้ามาได้อย่างเสรี