“หวังอี้” รับปากช่วยทุเรียนไทย ปลดล็อกปัญหาส่งออกไปจีน

ส่งออกทุเรียนแสนล้านวิกฤต ปัญหาหนัก ขั้นตอนขนส่ง ขึ้นรถไฟจีน-ลาวไม่ได้

“หวังอี้” รับช่วยปลดล็อกปัญหาส่งออกทุเรียนไปจีน “หอการค้า” รุกตั้งคณะทำงาน taskforce ดึงทุนจีนเชื่อมโยงเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจีน-ไทย

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1-2 เมษายน 2565 ตนได้ร่วมคณะนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบและหารือกับนายหวังอี้ มนตรีแห่งรัฐ และรัฐมนตรีว่ากระทรวงต่างประเทศของจีน และทีมเศรษฐกิจ ฝ่ายจีนตอบรับที่ไทยขอให้ช่วยแก้ไขปัญหาการขนส่งผลไม้ โดยเฉพาะทุเรียน เพื่ออำนวยความสะดวก เพิ่มเวลาเปิดด่าน รวมถึงจะส่งเจ้าหน้าที่จีนมาช่วยตรวจสินค้าตั้งแต่ต้นทาง จึงเชื่อว่าจะช่วยให้สถานการณ์สามารถคลี่คลายได้

สนั่น อังอุบลกุล
สนั่น อังอุบลกุล

ด้านการลงทุนระหว่างไทย-จีน หากเทียบกับประเทศในภูมิภาคอาเซียน พบว่า จีนเข้ามาลงทุนเป็นอันดับ 6 ถือว่ามีมูลค่าการค้าระหว่างกันน้อยมาก หากเทียบมาเลเซีย-จีน เวียดนาม-จีน ไทยได้มุ่งขยายโอกาสในการส่งเสริมการลงทุนร่วมกันเพื่อเพิ่มมูลค่าการระหว่างกัน

โดยได้ริเริ่มสร้างกลไกส่งเสริมการลงทุนระหว่างกันขึ้นในลักษณะคณะทำงาน หรือ taskforce ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่างสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศ ดำเนินโครงการ Joint Study ศึกษาการแก้ไขปัญหา อุปสรรค และส่งเสริมการอำนวยความสะดวกด้านการลงทุน และผลักดันความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนไทยกับ China Council for the Promotion of International Trade (CCPIT)

“ในการเดินทางไปครั้งนี้ ได้มีการส่งเสริมความร่วมมือกับมณฑลอานฮุย ในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ เช่น อุตสาหกรรมด้าน IT อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์และอะไหล่ยนต์ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมสุขภาพ ตลอดจนพลังงานใหม่ เนื่องจากเห็นประโยชน์ของทั้ง 2 ประเทศ การเชื่อมโยงเขตพัฒนาเศรษฐกิจฯ โดยใช้โมเดล 2 countries 2 parks

โดยเฉพาะการเชื่อมกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีเมืองเหอเฟย์ และอู๋หู จากนั้นจะขยายสู่มณฑลอื่น ๆ ซึ่งความร่วมมือนี้จะส่งผลดีต่อการสร้างห่วงโซ่มูลค่าระหว่างกัน และไทยเองมีความพร้อมที่จะรองรับการเข้ามาลงทุนของผู้ประกอบการจีน และสามารถเป็นฐานให้กับจีนในการขยายต่อไปยังประเทศอื่นในอาเซียนด้วย”

นอกจากนี้ ยังหารือถึงความร่วมมือด้านต่าง ๆ เช่น การส่งเสริมรูปแบบการแลกเปลี่ยนระหว่างเงินหยวนและเงินบาทโดยตรง สร้างความเชื่อมั่นให้ภาคเอกชนในการใช้เงินสกุลท้องถิ่นในการค้าและการลงทุน ความร่วมมือด้านเทคโนโลยี ด้านการส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ด้านการส่งเสริม-แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม


ทั้งนี้ หลังจากพบกับไทยแล้ว ทางรัฐบาลจีนยังได้เชิญคณะจากเมียนมา ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ทยอยเข้าหารือ เพื่อรับฟังแนวทางปัญหาและหารือในการลดปัญหาอุปสรรคเพื่อหวังการเติบโตทางด้านการค้าและการส่งออก