เปิดกัญชาเสรี หวังดันเศรษฐกิจไทยคึกคัก “ผู้ผลิตอาหาร” มั่นใจตลาดกัญชา-กัญชงโตทะลุ 21,000 ล้านบาท
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทยและนายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า นโยบาย “กัญชา/กัญชงเสรี” จะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยขณะนี้ผู้ผลิตอาหารตื่นตัวเรื่องนี้มาก และน่าจะเกิดแรงกระเพื่อมสำคัญต่อตลาดในประเทศก่อน
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
ทางสมาคมคาดการณ์ตลาดกัญชาเพื่อการแพทย์ไทยจะมีมูลค่าถึงกว่า 7,000 ล้านบาท ภายในปี 2567 จากปี 2564 น่าจะมีมูลค่าราว 3,600 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 0.02-0.04% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ
ส่วนตลาดของกัญชาที่ใช้เพื่อความเพลิดเพลินมีมูลค่า 14,000 ล้านบาท ตลาดกัญชง (มีสาร CBD ต่ำกว่า 1%) ของไทยจะเติบโตปีละ 126% มีมูลค่า 15,770 ล้านบาทภายในปี 2568 จากปี 2564 ที่มีมูลค่า 600 ล้านบาท
“ปัจจุบันผู้ประกอบการตอบรับเทรนด์นี้ โดยออกผลิตภัณฑ์มาวางตลาดเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับอุตสาหกรรมนี้ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ มีการลงทุนก่อสร้างโรงงานสกัดสาร CBD การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ของกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม มีอิชิตัน คาราบาว เซปเป้ ที่ออกเครื่องดื่มผสมกัญชง
ส่วนอุตสาหกรรมเครื่องสำอางมี คาร์มาร์ท บิวตี้ ทูเดย์ครีม ที่ออกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมกัญชง และยังมีสตาร์ตอัพกัญชาหลายแห่งเริ่มคิดไอเดียเปิดให้บริการ แต่การส่งเสริมต้องควบคู่ไปกับการสร้างการรับรู้เรื่องกัญชา (Cannabis Literacy) ด้วย” นายวิศิษฐ์กล่าว
ดังนั้น รัฐบาลควรปรับให้มีบริการครบวงจร (one stop service) เพื่อลดอุปสรรคในการเข้าถึงกัญชา/กัญชง ทั้งในเรื่องของการปลูก การผลิต และการจำหน่าย โดยเฉพาะเรื่องความพร้อมของห่วงโซ่ซัพพลายเชนที่จะสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ จากข้อเท็จจริงที่ว่าการขออนุญาตกัญชาอาจจะมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก มีหน่วยงานหลายองค์กร ซึ่งอาจต้องใช้เวลานานอยู่บ้าง
และประเด็นเรื่องเงินทุนสนับสนุนผู้ประกอบการรายใหม่ที่จะเข้าสู่อุตสาหกรรม โดยจะต้องมีการลงทุนวิจัยและพัฒนาระบบตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ เพื่อให้ได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพและให้ผลิตสินค้าได้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค ต้องวางระบบเรื่องราคาให้เกิดกลไกตลาดอย่างแท้จริง