พลังงานถก 6 โรงกลั่นไร้ข้อสรุป ปมส่งค่าการกลั่น ลากยาวไม่ทัน ก.ค. 65

โรงกลั่นไทยออยล์

6 โรงกลั่นจี้รัฐควรออกกติกาหรือกฎหมายลูกรองรับปมส่งค่าการกลั่นให้ชัดเจน เผยอาจใช้ พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันฯ เข้ามาดำเนินการได้ โยนกฤษฎีกาตีความ ขอเวลา 3 เดือน

วันที่ 30 มิถุนายน 2565 แหล่งข่าวผู้ประกอบการธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันในประเทศไทย กล่าวว่า กรณีที่ภาครัฐขอความร่วมมือให้ 6 โรงกลั่นน้ำมัน ประกอบด้วย บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP, บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC, บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC, บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP, บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO และบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC เร่งสรุปแนวทางนำส่งเงินกำไรส่วนหนึ่ง จากค่าการกลั่นเข้าสู่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในช่วงวิกฤตน้ำมันแพง

ขณะนี้ทั้ง 6 โรงกลั่นยังอยู่ระหว่างการพูดคุยกับหน่วยงานภาครัฐ ถึงแนวทางดำเนินการเพื่อหาทางออกที่ดีร่วมกัน โดยเบื้องต้นมองว่าภาครัฐควรจะต้องออกระเบียบ กติกา หรือข้อกฎหมายขึ้นมารองรับการดำเนินให้เกิดความชัดเจน และตอบข้อสงสัยของทุกฝ่ายได้ เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหา หรือปัญหาฟ้องร้องตามหลัง

ขณะเดียวกันการเก็บส่วนต่างจากกำไรค่าการกลั่น อาจใช้กฎหมาย พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันฯ เข้ามาดำเนินการได้ แต่ก็ต้องรอให้คณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาข้อฎหมายต่าง ๆ ให้ถี่ถ้วน และน่าจะต้องมีการออกกฎหมายลูกขึ้นมารองรับด้วย ซึ่งก็น่าจะใช้เวลาดำเนินการสักระยะ

ดังนั้น ตามแผนเดิมที่ภาครัฐต้องการให้ทั้ง 6 โรงกลั่น เริ่มดำเนินการจัดส่งส่วนต่างค่าการกลั่นเข้าสู่กองทุนน้ำมันฯ 3 เดือน เรื่องตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย.นั้น ก็อาจจะต้องขยับระยะเวลาดำเนินการออกไปจนกว่าการพิจารณาข้อฎหมายต่าง ๆ เพื่อมารองรับการดำเนินการจะแล้วเสร็จ

สำหรับหลักเกณฑ์การเก็บเงินจากส่วนต่างกำไรของค่าการกลั่นเข้าสู่กองทุนน้ำมันฯจะเป็นเท่าไหร่นั้น ยังต้องเจรจาร่วมกัน เพราะขณะนี้ธุรกิจโรงกลั่นต้องเผชิญกับความเสี่ยง จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับสูงขึ้น และเงินบาทอ่อนค่า ซึ่งการอ่อนค่าของเงินบาทราว 1 บาทต่อดอลลาร์ จะกระทบต่อต้นทุนราคาประมาณ 20 สตางค์ต่อลิตร ขณะที่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ประเทศ ปีนี้อาจไม่ถึง 2.5-3% ตามที่ประเมินไว้

อย่างไรก็ตาม การดูแลผลกระทบจากราคาน้ำมันไม่ให้ปรับสูงขึ้นจนเกินไป ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องดำเนินการ เพื่อพยุงการเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้ด้วยเช่นกัน