ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง ท่ามกลางความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว

ราคาน้ำมันดิบร่วง
REUTERS/Fabian Bimmer

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง ท่ามกลางความกังวลของเศรษฐกิจชะลอตัวจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป

วันที่ 22 กรกฎาคม 2565 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงหลังจากการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้มีมติปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย 50 bps หรือ 0.5% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นมาก ส่งผลให้ตลาดกังวลเศรษฐกิจชะลอตัวและความต้องการใช้น้ำมันปรับลดลง

โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 21 ก.ค.อยู่ที่ 96.35 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -3.53 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 103.86 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -3.06 เหรียญสหรัฐ

สหรัฐเปิดเผยความต้องการใช้น้ำมันเบนซินชะลอตัวลงจากผลของราคาที่ผันผวนอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่มีการคว่ำบาตรด้านพลังงานของรัสเซีย ขณะที่ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่า 3.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ของตลาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 7 หมื่นบาร์เรล

บริษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบีย (NOC) ได้ประกาศกลับมาดำเนินการผลิตน้ำมันบางส่วนหลังจากที่ยกเลิกเหตุสุดวิสัย (Force Majeure) ในแหล่งผลิตน้ำมันขนาดใหญ่หลายแห่งเมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว โดยแหล่งผลิตน้ำมันที่ดำเนินการโดยบริษัท Waha Oil ได้เริ่มกลับมามีอัตราการผลิตที่ 7 หมื่นบาร์เรลต่อวัน และจะค่อย ๆ ปรับเพิ่มอัตราการผลิตในแหล่งอื่น ๆ จนกว่าจะกลับสู่ระดับปกติ

ราคาน้ำมันเบนซิน

ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังในสหรัฐและสิงคโปร์ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 228.45 และ 16.21 ล้านบาร์เรลตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีแรงซื้อจากประเทศศรีลังกาเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ราคาน้ำมันดีเซล

ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานในแถบภูมิภาคเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังในสหรัฐที่ลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งสวนทางกับที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล