คณะวิทย์ ม.ธรรมศาสตร์ ห่วงหนี้คนไทยพุ่ง ต้นเหตุจากการพนัน-เล่นหวย

ภาพประกอบ การพนันออนไลน์
ภาพจาก คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

คณะวิทย์ ม.ธรรมศาสตร์ ห่วงสถานการณ์ “หนี้คนไทย” สาเหตุจากการพนัน-เล่นหวย มีโอกาสลามไปสู่การเป็นหนี้นอกระบบ เพิ่มวงจรการเป็นหนี้ไม่จบสิ้น เผยงานวิจัย “เล่นหวย” โอกาสถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัวมีแค่ 1 ใน 100 ต้องซื้อติดต่อกัน 100 งวด ใช้เวลา 4 ปี 2 เดือนถึงถูก 1 ครั้ง ส่วนรางวัลที่ 1 โอกาสถูก 1 ในล้าน 

วันที่ 4 เมษายน 2566 รองศาสตราจารย์ ดร.วราฤทธิ์ พานิชกิจโกศลกุล ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูล และอาจารย์ประจำสาขาวิชาคณิตศาสตร์และสถิติ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า ภาวะหนี้ เป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีความอ่อนไหวต่อระบบเศรษฐกิจไทย และส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่สะท้อนปัญหาปากท้อง

โดยเฉพาะหนี้นอกระบบ ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากกลุ่มนักเล่นการพนัน อาทิ ลอตเตอรี่ หวยใต้ดิน พนันฟุตบอล หรือพนันออนไลน์ ที่มีเทคโนโลยีเป็นตัวเชื่อมให้สามารถเข้าถึงการพนันรูปแบบต่าง ๆ ได้มากขึ้น โดยมีความเชื่อและพฤติกรรมร่วมของผู้ที่เล่นการพนันว่า “ต้องเล่นอีกเพื่อถอนทุนคืน” และ “ยิ่งเล่นมาก กระจายเล่นหลาย ๆ กอง ยิ่งมีโอกาสได้สูง”

รองศาสตราจารย์ ดร.วราฤทธิ์ พานิชกิจโกศลกุ
รองศาสตราจารย์ ดร.วราฤทธิ์ พานิชกิจโกศลกุล

งานวิจัยเผยเล่นหวยโอกาสถูกรางวัลน้อยมาก

ซึ่งที่ผ่านมา คณะวิทย์ มธ. มีงานวิจัยเรื่อง “ผลตอบแทนที่คาดจะได้รับซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลและสลากเลขท้าย” ที่สะท้อนผลลัพธ์โอกาสหรือความเป็นไปได้ของการเล่นการพนันรูปแบบต่าง ๆ คือ โอกาสเสียมีมากกว่าได้

“ส่วนหนึ่งของงานวิจัยดังกล่าว ได้เปิดเผยถึงโอกาสโชคดีที่จะถูกรางวัลแจ็กพอต หรือเป็น “วินเนอร์” ที่เกิดขึ้นได้น้อยมาก ยกตัวอย่างการออกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว ซึ่งมีโอกาสเพียง 1 ใน 100 ที่ต้องซื้อเลขเดียวกันต่อเนื่องอย่างน้อย 100 งวด เพื่อให้มีโอกาสถูกรางวัลเฉลี่ย 1 ครั้ง หรือต้องใช้เวลาประมาณ 4 ปี 2 เดือน จึงจะมีโอกาสถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว 1 ครั้ง และโอกาสหรือความเป็นไปได้ที่จะถูกรางวัลที่ 1 ซึ่งมีโอกาสเพียง 1 ในล้าน”

นอกจากนี้ งานวิจัยดังกล่าวยังได้แสดงผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ เปรียบเทียบระหว่างหวยบนดิน และลอตเตอรี่ ว่ามีโอกาสขาดทุนมากน้อยเพียงใด ซึ่งพบว่าโดยเฉลี่ยจะมีโอกาสขาดทุนในทุกเกม อยู่ที่ประมาณ 35-70% ของเกมที่เล่น ซึ่งกรณีที่ซื้อลอตเตอรี่ มีเปอร์เซ็นต์ขาดทุนประมาณ 40% ของทุกเกม

หากเลขท้าย 2 ตัว มีเปอร์เซ็นต์ขาดทุนประมาณ 35% และประเภทที่มีเปอร์เซ็นต์ขาดทุนมากที่สุด คือ การเล่น 3 ตัวโต๊ด ที่มีเปอร์เซ็นต์ขาดทุนสูงถึง 70% ขณะที่ผู้เล่นที่ใช้เทคนิคการซื้อกวาด ซื้อกระจายเพื่อเพิ่มโอกาส ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสถูกรางวัลมากขึ้นนั้น เป็นความเข้าใจที่ถูกต้องเพียงบางส่วน เพราะเมื่อพิจารณาจากจำนวนการเล่น กับเงินที่ต้องจ่ายก็มากขึ้นตามไปด้วย เมื่อเทียบกับเงินรางวัลที่มีโอกาสได้ จึงไม่ใช้วิธีการที่คุ้มค่าตามความเชื่อของผู้เล่น

ห่วงเทคโนโลยีเพิ่มความสะดวกซื้อสลากออนไลน์-เกมพนัน

รองศาสตราจารย์ ดร.วราฤทธิ์กล่าวอีกว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงจากสถานการณ์หนี้คนไทยที่มีสาเหตุส่วนหนึ่งจากการพนันในปัจจุบัน คือ เทคโนโลยีที่เพิ่มความสะดวกสบายในการเข้าถึงการซื้อสลากออนไลน์ การเล่นเกมพนันต่าง ๆ ทั้งจากเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น ซึ่งเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงด้วยกระบวนที่เข้าใจง่าย มีวิธีการสื่อสารที่ดึงดูด และบางแห่งมีวงเงินพร้อมใช้สำหรับกู้ยืมโดยใช้แค่บัตรประชาชนใบเดียว ที่เพิ่มปัจจัยการเป็นหนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

และในจำนวนนี้เชื่อมโยงกับปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งยิ่งทำให้วงจรการเป็นหนี้ขยายวงกว้างและยาวนานออกไปอีก อีกทั้งสถานการณ์ที่เปราะบางกับกลุ่มเยาวชน ที่อาจเข้ามาสู่วงจรการพนันและการเป็นหนี้โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์

“หากมองด้วยเงื่อนไขสิทธิส่วนบุคคล อาจทำให้เรื่องของการเล่นการพนัน เป็นสิ่งไม่สามารถสั่งห้ามกันได้โดยตรง ซึ่งหากมีการนำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโอกาสหรือความเป็นไปได้ในการถูกรางวัลหรือการเป็นผู้ชนะในเกมพนันอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ประชาชนเกิดการรับรู้และสร้างความตระหนักเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเล่น

และผลเสียจากการที่ไม่สามารถควบคุมความถี่และจำนวนเงินในการเล่นจนเกิดเป็นหนี้สินจากการพนัน ในที่สุด โดยคณะวิทย์ มธ. มีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าควรลดความถี่ในการโปรโมตการเข้าถึงการพนันทุกรูปแบบ แม้ว่าจะเป็นการออกรางวัลที่ถูกกฎหมายก็ตาม เนื่องจากหากมองพฤติกรรมของผู้เล่นในปัจจุบัน ที่มีกระแสความนิยมในสังคมไทยอยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุจำเป็นต้องมีการโปรโมตเพื่อกระตุ้นความสนใจและสร้างภาพจำว่าการพนันหรือการวัดดวงเป็นเรื่องปกติของสังคม โดยเฉพาะการนำเสนอข่าวบุคคลถูกรางวัลใหญ่ของแต่ละงวด”

ภาพประกอบ การพนันออนไลน์ (4)

นักพนันหน้าใหม่มีกว่า 8 แสนคน

รองศาสตราจารย์ ดร.วราฤทธิ์กล่าวว่า ข้อมูลจากศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ ศึกษาสถานการณ์และผลกระทบการพนันในประเทศไทย ปี 2564 พบว่าคนไทยเล่นการพนันร้อยละ 59.6 หรือประมาณ 32.33 ล้านคน เพิ่มขึ้นประมาณ 1.9 ล้านคนเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2562

จำนวนนี้เป็นผู้ที่เล่นพนันครั้งแรกในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา หรือเรียกว่า “นักพนันหน้าใหม่” เกือบ 8 แสนคน ที่น่ากังวลคือ ร้อยละ 29.5 ของประชากรเด็ก อายุ 15-18 ปี ที่เล่นการพนัน มีวงเงินหมุนเวียนรวม 29,155 ล้านบาท และร้อยละ 54.6 ของเยาวชน อายุ 19-25 ปี ที่เล่นการพนัน มีวงเงินหมุนเวียนรวม 93,321 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มมีแนวโน้มผู้เล่นที่เพิ่มขึ้น และวงเงินพนันหมุนเวียนก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยการพนันที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือสลากกินแบ่งรัฐบาลและหวยใต้ดิน

ด้านธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ (PIER) เมื่อเดือนมีนาคม 2565 พบว่าคนไทยเป็นหนี้สูงถึง 37% หรือราว 1 ใน 3 ของประชากรไทย หรือราว 25 ล้านคน ซึ่งมีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยประมาณ 57% ของผู้ที่มีหนี้ จะมีหนี้สินตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไป และกลุ่มผู้ที่มีหนี้ตั้งแต่ 1,000,000 บาทขึ้นไป มีถึง 14% โดยสามารถแยกหนี้ตามประเภทต่าง ๆ สูงสุด 3 อันดับแรก คือ

    1. สินเชื่อส่วนบุคคล 39%
    2. บัตรเครดิต 29%
    3. การเกษตร 12%

สำหรับสถานการณ์หนี้ครัวเรือนของไทย มีรายงานว่ามีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปี 2564 ที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ทำให้หนี้ครัวเรือนไทยพุ่งสูงถึง 90.1% ก่อนจะปรับลดลงมาในไตรมาส 3 ปี 2565 ที่ระดับ 86.8% โดยมีสาเหตุสำคัญ 8 ด้าน ได้แก่

    1. เป็นหนี้เร็วตั้งแต่เริ่มวัยทำงาน
    2. เป็นหนี้เกินตัว ทำให้รายได้เกินกว่าครึ่งต้องเอาไปจ่ายคืนหนี้
    3. เป็นหนี้โดยไม่ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนหรือถูกต้อง
    4. เป็นหนี้เพราะมีเหตุจำเป็น
    5. เป็นหนี้นาน
    6. เป็นหนี้เสีย
    7. เป็นหนี้ไม่จบไม่สิ้น
    8. เป็นหนี้นอกระบบ
การจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล
ภาพประกอบจาก คณะวิทย์ มธ.

“ในส่วนของหนี้นอกระบบ พบว่า 42% ของกลุ่มตัวอย่างกว่า 4,600 ครัวเรือนจากทุกภูมิภาคของไทย มีหนี้นอกระบบเฉลี่ยรายหัวอยู่ที่คนละ 54,300 บาท ซึ่ง ‘การพนัน’ เป็นค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งของการเป็นหนี้นอกระบบ”