สัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ คว้าอันดับ 1 มหา’ลัยไทย งานวิจัยโดดเด่น

สัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ

คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับ 1 ของไทย อันดับ 16 ของอาเซียน และอันดับ 73 ของโลก จากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกโดย Scimago Institutions Rankings (SIR) 2023 ซึ่งให้ความสำคัญกับการวิจัยและการเผยแพร่องค์ความรู้ทางด้านนวัตกรรม

 วันที่ 25 พฤษภาคม 2566 รศ.นสพ.ดร.ณุวีร์ ประภัสระกูล รองคณบดีฝ่ายวิจัย คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยในครั้งนี้ นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างมากของคณะสัตวแพทยศาสตร์ ที่ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับ 1 ของประเทศไทย อันดับ 16 ของอาเซียน และอยู่ในอันดับ 73 ของโลก ซึ่งขยับขึ้นมาจากอันดับที่ 83 ของโลกจากการจัดอันดับเมื่อปีที่แล้ว สะท้อนให้เห็นถึงความเข้มแข็งในด้านการวิจัยของคณะ รวมทั้งยังเป็นการเพิ่มศักยภาพให้คณะเป็นที่รู้จักมากขึ้นในระดับนานาชาติ

สำหรับตัวชี้วัดในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโดย SIR 2023 ประกอบด้วย 3 หมวดหลักดังนี้

1.ด้านการวิจัย (Research) คิดเป็นสัดส่วน 50% โดยดูจากจำนวนเอกสารทางวิชาการ วารสาร งานวิจัย จำนวนการอ้างอิง จำนวนผู้เขียนที่เกี่ยวข้องกับผลงานวิชาการและผลงานวิจัยของสถาบัน โดยอ้างอิงข้อมูลจากฐานข้อมูล Scopus

2.ด้านนวัตกรรม (Innovation) 30% เน้นเรื่องการให้ความรู้ที่เป็นนวัตกรรม สิทธิบัตร หรือผลงานตีพิมพ์ทางวิทยาศาสตร์จากสถาบันที่อ้างอิงถึงในสิทธิบัตร โดยพิจารณาข้อมูลจาก Patent Statistical Database

3.ด้านสังคม (Societal) 20% พิจารณาจากการประชาสัมพันธ์ ขนาดของเว็บไซต์ จำนวนหน้าเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงกับ URL ของสถาบัน จำนวนเครือข่าย (Subnets) ที่เชื่อมโยงการเข้าถึงกับเว็บไซต์ของสถาบันนั้น ๆ และปริมาณเอกสาร และข่าวสารต่าง ๆ ของสถาบันที่เผยแพร่อยู่ใน Social Media

 รศ.นสพ.ดร.ณุวีร์เผยถึงความโดดเด่น 5 ด้านของคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ที่ทำให้สามารถแข่งขันได้กับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในอาเซียน ได้แก่

1.คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ มีการนำงานวิจัยไปประยุกต์ใช้แก้ปัญหาต่าง ๆ ในวิชาชีพสัตวแพทย์ รวมถึงเรื่องของโรคระบาด ปัญหาเชื้อดื้อยา ปัญหาด้านงานอนุรักษ์สัตว์ป่า ฯลฯ ซึ่งปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยองค์ความรู้ทางด้านสัตวแพทย์ในการแก้ปัญหาทั้งสิ้น

2.ด้านทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ มีคณาจารย์ที่เป็นนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติถึง 7 ท่าน ซึ่งนับเป็นนักวิจัยต้นแบบที่ทำให้งานวิจัยของคณะมีความเข้มแข็ง

3.ด้านทุนวิจัย (Funding) ด้วยความสามารถทางการทำวิจัยของคณาจารย์ ทำให้คณะได้รับทุนวิจัยจากภายนอกเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท หรือคนละไม่ต่ำกว่า 500,000 บาทต่อคนต่อปี

4.การนำงานวิจัยเชื่อมโยงไปสู่เรื่องการเรียนการสอน หน่วยการศึกษาต่อเนื่องที่อยู่ภายใต้ฝ่ายวิจัยของคณะทำหน้าที่ในการนำเสนอและเผยแพร่ผลงานวิจัยที่ตอบสนองความต้องการของสังคม รวมทั้งจัดโครงการอบรมหลักสูตรต่าง ๆ ให้ประชาชนได้เข้าร่วม ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ในเรื่องการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) และการเป็น Research University ของมหาวิทยาลัยอีกด้วย

5.เรื่องนโยบาย ภายใต้การสนับสนุนจากมหาวิทยาลัย เช่น โครงการจุฬาฯ 100 ปี มีการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมโคนมที่ จ.สระบุรี โครงการร่างนิ่ม หรือศูนย์กายอุทิศสำหรับสัตว์ ฯลฯ ทำให้คณาจารย์ในคณะได้มีโอกาสทำงานวิจัยที่ตอบโจทย์สังคมได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีโครงการ C2F ซึ่งให้ทุนกับนิสิตและนักวิจัยหลังปริญญาเอกที่มีศักยภาพ ทุนสนับสนุนกลุ่มวิจัยผ่านกองทุนรัชดาภิเษกสมโภช สำนักบริหารวิจัย ฯลฯ

“ความสำเร็จของคณะเกิดจากการนำความโดดเด่นในทุก ๆ ด้านไปประยุกต์ใช้ให้ถูกที่และถูกเวลา รวมถึงอาจารย์ของเรายังมีเครือข่ายการทำงานร่วมกับหน่วยงาน องค์กรทั้งในระดับชาติและนานาชาติ ซึ่งมีส่วนช่วยให้จุฬาฯเป็นที่รู้จักในระดับสากล ทำให้เกิดความร่วมมือในด้านการวิจัยตามมา”

รศ.นสพ.ดร.ณุวีร์กล่าวว่า คณะมีการสนับสนุนทุนนักวิจัยรุ่นใหม่และรุ่นกลาง มีระบบนักวิจัยพี่เลี้ยง เพื่อช่วยให้นักวิจัยรุ่นใหม่ได้รับทุนวิจัยในระดับที่สูงขึ้น คณะมีศูนย์ที่ทำหน้าที่ส่งเสริมทางด้านนวัตกรรมและนำผลงานวิจัยไปประกวดแข่งขันในระดับนานาชาติ ตลอดจนดูแลเพิ่มพูนทักษะด้านการเขียนบทความวิชาการและข้อเสนอโครงการ มีการอัพเดตข้อมูลข่าวสารด้านทุนวิจัยและการให้รางวัลต่าง ๆ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่นักวิจัย รวมทั้งมีการประชาสัมพันธ์ผลงานวิจัยของคณาจารย์ที่ทำวิจัยให้เป็นที่รับรู้ทั้งภายในและสังคมภายนอก

ทั้งนี้ การที่จุฬาฯเป็น Comprehensive University ที่มีการทำงานข้ามศาสตร์ ทำให้เห็นโอกาสใหม่ ๆ ในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ส่งผลให้งานวิจัยของคณะมีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น

รศ.นสพ.ดร.ณุวีร์กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการสร้างสรรค์งานนวัตกรรมของคณาจารย์และนิสิตผ่านโครงการการส่งเสริมระบบนิเวศนวัตกรรมของคณะ ด้วยการสร้างพื้นที่การเรียนรู้ทางด้านนวัตกรรมแก่นิสิตและบุคลากรผ่านบริษัท Spin-Off ของจุฬาฯ ภายใต้การสนับสนุนของบริษัท CU Enterprise รองรับกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ Innovation and Enterprise Clinic ที่ได้รับการสนับสนุนจากศิษย์เก่าของคณะการส่งเสริมและเผยแพร่ผลงานนวัตกรรมไปสู่การเป็นกลุ่มธุรกิจและผู้ประกอบกิจการผ่าน CUVET Startup for Future Leader

การอบรม Innovative Sandbox Incubation Program สำหรับนิสิต การสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจสตาร์ตอัพให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและดำเนินกิจการได้คล่องตัว เช่น โครงการอบรมเรื่องการจัดการบรรษัทภิบาลและภาษี โครงการ Demo Day for Innovator โครงการส่งเสริมการนำบริษัทเข้าสู่ตลาดทุน ฯลฯ

ผลการดำเนินงานด้านการส่งเสริมงานวิจัยและนวัตกรรมที่ผ่านมา ทำให้คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ มีผลงานวิจัยและนวัตกรรมต่าง ๆ มากมายที่ตอบโจทย์ต่อสังคมและประเทศชาติ นวัตกรรมที่เป็น Highlight ได้แก่ นวัตกรรมกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทดแทนการใช้ยาปฏิชีวนะในสัตว์ทั้งภาคการเกษตร และการดูแลสัตว์เลี้ยง เช่น

การพัฒนาวัคซีนนาโนแบบไร้เข็มที่ใช้ในปลา, การพัฒนาโปรไบโอติกโดยใช้เทคโนโลยีการห่อหุ้มระดับไมโคร, การใช้น้ำเลี้ยงเชื้อโปรไบโอติกระดับนาโนสำหรับฆ่าเชื้อบนแผลและในช่องหูสัตว์เลี้ยง, การเพิ่มผลผลิตปลานิลด้วยการใช้ฮอร์โมนเปลี่ยนเพศ, การพัฒนาเพื่อยกระดับมาตรฐานการเลี้ยงโคด้วยระบบเซ็นเซอร์ให้เป็นฟาร์มอัจฉริยะ, การพัฒนาการรักษาสัตว์เลี้ยงด้วยเทคโนโลยีการผลิตสเต็มเซลล์, การสร้างโมเดลจำลองเพื่อการเรียนการสอน, การพัฒนาชุดตรวจภูมิแพ้ไรฝุ่นในสุนัข เป็นต้น


“จากภาพรวมด้านงานวิจัยของคณะถือว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว สิ่งที่เรากำลังต่อยอดจากงานวิจัยคือการนำงานวิจัยไปเป็นส่วนสำคัญของการเรียนการสอนทั้งในหลักสูตรและนอกหลักสูตร การเชื่อมโยงงานวิจัยผ่านมุมมองทางด้านสังคม ไม่ใช่มุมมองด้านการแพทย์หรือวิทยาศาสตร์อย่างเดียว รวมถึงการขยายงานบริการเชิงนวัตกรรมสู่การนำไปใช้จริงในโรงพยาบาลสัตว์เล็ก คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ”