“นักวิชาการ” วอน “บิ๊กตู่” เลือกคนมีความรู้-ใส่ใจการศึกษาเป็น “รมว.ศธ.-อว.” หลังถูกเมินเหตุโจทย์ยาก

‘นักวิชาการ’ วอน ‘บิ๊กตู่’ เลือกคนมีความรู้-ใส่ใจการศึกษาเป็น ‘รมว.ศธ-อว.’ หลังถูกเมินเหตุโจทย์ยาก-สร้างผลงานไม่ได้

เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน นายภาวิช ทองโรจน์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กอศ.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปนั้น ตนยังรออยู่ว่าพรรการเมืองใด หรือใครที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เพราะที่ผ่านมาพบว่าทั้ง 2 กระทรวงนี้ถูกมองข้ามมาตลอด แม้จะเป็นกระทรวงที่ใหญ่และได้รับงบประมาณจำนวนมาก โดยเฉพาะ ศธ. ตนมองว่าอาจจะไม่มีใครอยากเข้ามาบริหารกระทรวงนี้ เพราะเป็นงานที่ยาก เกี่ยวข้องกับคนเป็นจำนวนมาก หากจะทำผลงานที่ออกมาเป็นรูปธรรมยาก เพราะการพัฒนาการศึกษาต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะเห็นผลรูปธรรม แต่ถ้าปักหลักหรือมีนโยบายดี สามารถพัฒนาผลงานที่เป็นรูปธรรมได้เช่นกัน

“ศธ. เป็นกระทรวงที่น่าสนใจ แต่ก็เป็นเรื่องยากในเวลาเดียวกันด้วย แต่ละพรรคอาจขยาดที่จะเข้ามาดูแลได้เพราะการศึกษาของประเทศเป็นโจทย์ที่ยาก หากจะเปลี่ยนอะไรหรือพัฒนาอะไรจะคำนึงถึงคนจำนวนมาก แม้ศธ.จะได้รับงบประมาณมากก็ตาม แต่เป็นงบ ที่ใช้จ่ายประจำเสียมากกว่า เช่น ใช้จ่ายเงินเดือนครู เป็นต้น”นายภาวิช กล่าว

นายภาวิช กล่าวต่อว่า อว.ก็ถือเป็นประเด็นที่ท้าทาย เพราะเป็นกระทรวงใหม่ที่รวมอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ และวิจัยเข้ามาไว้ด้วยกัน ถ้าไม่ตั้งหลักให้ดีกระทรวงจะอ่อนแอในระยะยาว อีกทั้ง ขณะนี้ อว.ยังไม่ความไม่ลงตัวจำนวนมาก เพราะอุดมศึกษาก็มีปัญหาของตนเอง การวิจัยของประเทศยังคงมีปัญหา เพราะยังไม่สามารถส่งเสริมศักยภาพของประเทศได้มากพอ ดังนั้นหากจะให้นักการเมืองเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการ อว. ควรเป็นคนที่พร้อมเรียนรู้ ทันต่อการเปลี่ยนแปลง เข้าใจว่าประเทศต้องการพัฒนาในด้านไหน

“แม้ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าพรรคการเมืองใด หรือใครจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการ ศธ.และรัฐมนตรีว่าการ อว. ผมอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ เข้าใจปัญหาการศึกษา วางการศึกษาเป็นเรื่องที่ต้องพัฒนาแก้ไขเป็นอันดับแรก เพราะถ้าการศึกษาไม่ได้รับการแก้ไขจะเกิดผลเสียในระยะยาว ขอให้เลือกคนที่เข้ามานั่งตำแหน่งรัฐมนตรีทั้งสองกระทรวงให้ดี ต้องเป็นคนที่มีความรู้ เข้าใจการศึกษา พร้อมพัฒนาขับเคลื่อนการศึกษาให้ก้าวไปข้างหน้า และอยู่ในตำแหน่งนี้ให้นาน ไม่ควรเปลี่ยนคนไปมา” นายภาวิช กล่าว

นายศุภเสฏฐ์ คณากูล นายกสมาคมคณะกรรมการประสานและส่งเสริมการศึกษาเอกชน (ส.ปส.กช.) กล่าวว่า ตนมองว่าสาเหตุที่ ศธ.ไม่เป็นที่สนใจของพรรคการเมือง ในการจับจองที่นั่งรัฐมนตรีว่าการ ศธ. เพราะการศึกษาคล้ายกับการปลูกพืช ต้องใช้ระยะเวลากว่าจะเห็นผล เกี่ยวข้องกันคนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และข้าราชการประจำ ยากที่จะสร้างทำให้คนจำนวนมากมีความเข้าใจตรงกัน และที่ผ่านมาสังคมวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐมนตรีว่าการ ศธ.แต่ละคนไม่ค่อยมีผลงานที่เป็นรูปธรรมเท่าใดนัก ส่วนใหญ่ที่จะเป็นผลงานที่ฉาบฉวย

“แม้ศธ. เป็นกระทรวงที่ได้รับงบประมาณมาก แต่เป็นงบที่ต้องใช้จ่ายประจำ เช่น จ่ายเงินเดือนครูและข้าราชการประจำ เสียเงินไปกว่า 80% งบลงไปที่นักเรียนน้อยมาก อีกทั้งคุณภาพการศึกษาจากการวิจัย พบว่าต้องใช้เวลาประมาณ 6 ปี ถึงจะเห็นผลเป็นรูปธรรม หากรัฐมนตรีว่าการ ศธ.คนใหม่เข้ามา ผมอยากให้มุ่งพัฒนาที่ตัวนักเรียนและครูเป็นอย่างแรก ครูต้องควรได้สอนอย่างเต็มที่ เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย ผมมองว่าจากการบริหารงาน 5 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ คงทราบปัญหาที่แท้จริงของการศึกษาไทย อยากให้เลือกรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ที่มีใจรักต้องการต้องการพัฒนาการศึกษาอย่างแท้จริง รวมทั้งร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. … ที่คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) ใช้เวลา 2 ปี ในการศึกษาพัฒนา อยากให้ผลักดันออกมาเพราะมีหลายเรื่องที่เป็นเรื่องดี ผมเสียดายมากหากไม่ได้ประกาศใช้” นายศุภเสฏฐ์ กล่าว และว่า ในส่วนการศึกษาเอกชน อยากให้นายกฯ เข้ามาช่วยดูแลเช่นกัน เพราะขณะนี้ครู ผู้ประกอบการโรงเรียนเอกชน ไม่มีทิศทางในการดำเนินงาน อยากให้การศึกษาเอกชนสามารถเดินหน้าพัฒนานักเรียนและครู เพื่อเป็นกำลังของประเทศได้

 

ที่มา : มติชนออนไลน์