มธบ.จัดระบบการสอน Online ผ่าน Teacher mate ของ Tencent ให้ น.ศ.จีน 3 พันคนแทนการเข้าเรียนคลาสปกติ ยกเลิกสอบ final ใช้สอบแบบ Project แทน เพื่อลดความเสี่ยงโควิด-19 ระบาด หวั่นคุมยาก คาดอาจกระทบเปิดรับ น.ศ.ใหม่ปี’64 ด้าน ม.รังสิตสั่งห้ามเดินทางไปพื้นที่เสี่ยง ตรวจคัดกรอง น.ศ.เช้า-เย็น ใครป่วยสั่งพักอยู่บ้าน
สถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าได้พัฒนามาสู่โควิด-19 ระบาดขยายวงอย่างต่อเนื่อง และสถานการณ์เริ่มบานปลาย ทำให้ทุกสถาบันการศึกษายังต้องดำเนินการตามคำสั่งของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ต้องออกประกาศเรื่อง “มาตรการและการเฝ้าระวังการระบาดของโรคไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19)” ที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นนั้น โดยพบการติดเชื้อในหลายประเทศทั่วโลกกว่า 34 ประเทศ และมีการแพร่กระจายจากคนสู่คนในหลายประเทศแล้วนั้น
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- กีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เสียชีวิต อายุ 56 ปี
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขมีมาตรการเฝ้าระวังการระบาดของโรคดังกล่าว เพื่อควบคุมสถานการณ์และป้องกันการแพร่กระจายของเชื้ออย่างรวดเร็ว จึงทำให้ อว.ออกประกาศมาตรการและการเฝ้าระวังการระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า คือ 1) ให้บุคลากรในสังกัดกระทรวง อาจารย์ และนักศึกษา หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศและเขตบริหารพิเศษที่มีความเสี่ยง หรือมีการรายงานการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ตามที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศ
2) บุคลากรในสังกัดกระทรวงที่เดินทางกลับมาจากประเทศและเขตบริหารพิเศษที่มีความเสี่ยงหรือมีการรายงานว่าพบการติดเชื้อ จะต้องเข้ารับการตรวจร่างกายเพื่อคัดกรองโรค และกรณีที่พบว่ามีไข้หรือมีอาการที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรค ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำทางการแพทย์ และให้หยุดงาน/เรียน เป็นเวลา 14 วัน สำหรับผู้ที่ไม่มีไข้ หรือไม่มีอาการ ให้สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หลีกเลี่ยงการเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนการสอน การประชุม สัมมนา เป็นเวลา 14 วัน หลังจากกลับถึงไทย และให้ใช้ระบบการเรียนการสอนและการประชุมแบบออนไลน์แทน
3) บุคลากรที่พบว่ามีความเสี่ยงโดยการใกล้ชิด หรือเกี่ยวข้องกับคนต่างชาติที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล ไม่ควรรักษาด้วยตัวเอง เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อต่อไป
4) ให้บุคลากรดูแลสุขภาพส่วนตัว หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ สวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกัน
5) ตรวจเช็กทำความสะอาดจุดสัมผัสในพื้นที่สาธารณะด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น ปุ่มกดลิฟต์ ราวบันได ฯลฯ ประชาสัมพันธ์สร้างการตระหนักรู้เกี่ยวกับการแพร่ระบาดและการปฏิบัติตนเพื่อป้องกันเชื้อโรค ประชาสัมพันธ์และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการแพร่ระบาดการป้องกันเชื้อโรค 6) เลี่ยงการเชิญบุคลากรจากประเทศที่มีความเสี่ยง 7) หลีกเลี่ยงการชุมนุมนักศึกษาหรือบุคลากรจำนวนมาก และ 8) ขอความร่วมมือจากระทรวงสาธารณสุขเพื่อการคัดกรองโรค
“ผศ.ดร.ศิริเดช คำสุพรหม” คณบดีวิทยาลัยบริหารธุรกิจ นวัตกรรมและการบัญชี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ อว.ประกาศมาตรการเพื่อเฝ้าระวังการระบาดของโรคไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่นั้น มธบ.ได้ประกาศห้ามนักศึกษาจีน ประมาณ 2,000-3,000 คน เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย และให้ใช้รูปแบบการเรียนด้วยระบบออนไลน์แทน พร้อมทั้้งได้ “ยกเลิก” การสอบ final โดยให้นักศึกษาทำโครงงาน หรือ project based ส่งอาจารย์ผู้สอนแทน เหตุผลที่ต้องดำเนินการด้วยวิธีดังกล่าว เนื่องจาก
1) นักศึกษาจีนมีจำนวนค่อนข้างมาก แม้ว่าจะเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจสอบคัดกรองก็อาจจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ และ 2) ภาครัฐยังคงให้มีการเดินทางเข้า-ออกไทยปกติ โดยไม่มีการปิดกั้น ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้กับมหาวิทยาลัยที่มีนักศึกษาจีนเพิ่มขึ้นอีก
เมื่อประเมินจากสถานการณ์ปัจจุบันค่อนข้างกังวลว่า ในทุกประเทศที่พบการระบาดอาจจะต้องใช้เวลามากกว่า 3-6 เดือน ฉะนั้น คาดว่าจะประกาศให้นักศึกษาจีนเข้าเรียนปกติในเดือนตุลาคม 2563 ได้ ส่วนผลกระทบในระยะสั้น อาจจะกระทบการเปิดรับสมัครนักศึกษาในปีการศึกษา 2564 ที่จะเริ่มดำเนินการในช่วงเดือนสิงหาคมนี้คงต้องมีมาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ของไวรัสดังกล่าว โดยเฉพาะกับนักศึกษาจีนและนักศึกษาต่างชาติที่มาจากพื้นที่เสี่ยงอื่น ๆ เพิ่มเติมอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในส่วนนักเรียนไทยสามารถเข้าเรียนได้ตามปกติ แต่นักศึกษาจะต้องใส่หน้ากากเพื่อป้องกัน อีกทั้งทุกพื้นที่ในมหาวิทยาลัยจะมีเจลล้างมือฆ่าเชื้อโรคให้บริการนักศึกษาต่อเนื่อง อีกทั้งขณะนี้ มธบ.เตรียมจะผลิตหน้ากากผ้าเพื่อแจกจ่ายให้กับนักศึกษาเพิ่มเติม หลังจากที่หน้ากากขาดตลาด และคาดว่าความต้องการใช้จะเพิ่มมากขึ้นตามการระบาดของโรคโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019
“แม้ว่าจะสั่งระงับการเรียนในคลาสปกติของนักเรียนจีนแล้วก็ตาม มธบ.ยังติดตามนักศึกษาจีนต่อเนื่อง ในรายที่แม้จะผ่านคัดกรองเบื้องต้นแล้ว ก็ยังต้องเฝ้าระวังอีก 14 วัน ตามมาตรการของภาครัฐ เพื่อให้มั่นใจว่าความเสี่ยงเป็นศูนย์ เราต้องอุดความเสี่ยงในทุกช่องทางที่มีความเป็นไปได้ เพราะหากเกิดการระบาดในพื้นที่มหาวิทยาลัย ความเสียหายมากมายจะเกิดขึ้นตามมาอีก มธบ.จึงต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม”
ด้าน “ดร.กัญจน์นิตา สุเชาว์อินทร์” คณบดีวิทยาลัยนานาชาติจีน และรองผู้อำนวยการสถาบันจีน-ไทย มหาวิทยาลัยรังสิต ระบุว่า ม.รังสิตยังคงดำเนินการตามมาตรการของ อว.ในการเฝ้าระวังและสกัดไวรัสโควิด-19 เนื่องจากมีนักศึกษาจีนที่เดินทางกลับมาเรียนตามปกติแล้วก็ตาม
โดยแนวปฏิบัติของ ม.รังสิต จะมีเจ้าหน้าที่ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของนักศึกษา ทั้งก่อนเข้าเรียน และเมื่อเรียนเสร็จ หากนักศึกษาเริ่มมีไข้ และถือว่ามีความเสี่ยงก็จะต้องเข้าตรวจคัดกรองจากเจ้าหน้าที่คัดกรองอีกครั้งด้วย ซึ่งถือว่ามหาวิทยาลัยรังสิตดำเนินการมากกว่าที่ภาครัฐกำหนด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับบุคลากรและนักศึกษาของมหาวิทยาลัย
สำหรับจำนวนนักศึกษาจีนใน ม.รังสิต ที่มีอยู่ประมาณ 400 คน ภายหลังจากการคัดกรองจากทั้งฝั่งจีน และไทย ได้เริ่มกลับมาเรียนจนเกือบครบแล้ว เหลือเพียงนักศึกษาจำนวนหนึ่งที่อยู่ในพื้นที่เมืองอู่ฮั่นเท่านั้น ที่จีนยังคงกักตัวเพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้ติดเชื้อโควิด-19 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไปยังพื้นที่อื่น ๆ อีกด้วย
อีกทั้งหากการระบาดของโรคดังกล่าวยกระดับเพิ่มขึ้นอีก ทาง ม.รังสิตยังเตรียมมาตรการเสริมเพื่อหยุดการกระจายของโรค ด้วยการ “สั่งห้าม” นักศึกษาเดินทางไปยังประเทศที่มีความเสี่ยง อย่างเช่น ประเทศจีน จนกว่าจะมั่นใจว่าเชื้อโควิด-19 หยุดแพร่กระจายแล้ว
“หาก น.ศ.มีไข้ เราให้ตรวจคัดกรองทันที พร้อมสั่งให้กลับไปพักผ่อนที่บ้าน เพราะอาจเสี่ยงติดโรคได้ สิ่งที่ ม.รังสิตดำเนินการต้องเรียกว่า ทำแบบดับเบิลจากที่ อว.สั่ง อีกทั้งไม่ได้เข้มข้นแค่เพียงการตรวจนักเรียนจีนเท่านั้น ยังรวมถึงนักศึกษาไทย เพราะการระบาดขยายวงจากทุกทิศทุกทางแล้ว จึงต้องรอบคอบให้มากที่สุดเอาไว้ก่อนด้วย”
