เกษตรสันติราษฎร์ ต้นแบบหมู่บ้านเกษตรยั่งยืน “ซีพี”-

จากแนวคิดของ “ธนินท์ เจียรวนนท์” ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ในการดำเนินโครงการหมู่บ้านเกษตรสันติราษฎร์ เพื่อเป็นต้นแบบในการพัฒนาหมู่บ้านเกษตรกรรม สร้างที่อยู่อาศัย ควบคู่ไปกับการสร้างธุรกิจเกษตร เพื่อเป็นรายได้เสริม เพิ่มสวัสดิการ และความมั่นคงในชีวิตแก่ครอบครัวตำรวจ

โดยเมื่อปี 2549 เครือเจริญโภคภัณฑ์ ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สถานีตำรวจภูธรเกาะจันทร์ จ.ชลบุรี ทำการกู้เงินจากธนาคารทหารไทย จำนวน 56.3 ล้านบาทในขณะนั้น เพื่อใช้ซื้อที่ดินเพื่อดำเนินโครงการหมู่บ้านเกษตรสันติราษฎร์ บนพื้นที่ขนาด 230 ไร่ แบ่งพื้นที่โครงการป็น 2 ส่วนคือ

หนึ่ง ส่วนที่พักอาศัย มีเนื้อที่ 50 ไร่ โดยนำมาจัดสรรเป็นบ้านพัก 2 ชั้น ให้กับข้าราชการตำรวจ จากสถานีตำรวจภูธรเกาะจันทร์ จ.ชลบุรี จำนวน 31 ครอบครัว ที่เข้าร่วมโครงการ ครอบครัวละ 600 ตารางวา พร้อมสร้างโรงเรือนไก่พื้นเมือง 1 หลัง

โดยที่ซีพีได้ให้พ่อ-แม่ไก่พื้นเมืองพันธุ์ดีกับครอบครัวตำรวจที่เข้าร่วมโครงการไปเพาะพันธุ์ และมีเจ้าหน้าที่นักวิชาการคอยให้คำแนะนำตามหลักวิชาการที่ถูกต้อง จากนั้นจะรับซื้อลูกไก่คืนในราคาตัวละ 300 บาท โดยประกันรายได้ขั้นต่ำอย่างน้อยเดือนละ 3,000 บาทต่อเดือน ซึ่งถือเป็นอาชีพเสริม สร้างรายได้ควบคู่ไปกับการทำงานประจำ

สอง พื้นที่สำหรับทำธุรกิจเกษตร 3 ธุรกิจ ได้แก่ การปลูกผัก, การเลี้ยงกบ และการเลี้ยงสุกร โดยดำเนินงานภายใต้ บริษัท เกษตรสันติราษฎร์ จำกัด ซึ่งถือหุ้นโดยครอบครัวตำรวจทั้ง 31 ครอบครัว

โครงการนี้ไม่เพียงทำให้ตำรวจมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง แต่ยังมีธุรกิจเกษตรที่สามารถเป็นรายได้เสริมจากเงินเดือนประจำ จากการทำธุรกิจเกษตร 4 อาชีพ โดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าร่วมบริหาร ซึ่งสามารถจัดสรรรายได้ต่อเดือน จาก 4 ธุรกิจ ให้กับ 31 ครอบครัว อย่างเท่า ๆ กัน โดยแบ่งเป็น จากธุรกิจเลี้ยงสุกร 4,700 บาท ธุรกิจปลูกใบกะเพรา 18,000 บาท ธุรกิจเลี้ยงกบ 4,000 บาท โดยนำรายได้ดังกล่าวไปผ่อนชำระหนี้ธนาคาร จนสามารถปลดหนี้ได้ในระยะเวลา 10 ปี

ล่าสุดจึงมีการจัดงาน “10 ปีหมู่บ้านเกษตรสันติราษฎร์” และ “พิธีมอบกรรมสิทธิ์บ้านพร้อมที่ดินให้แก่ข้าราชการตำรวจ โครงการหมู่บ้านเกษตรสันติราษฎร์” ที่สามารถปลดหนี้ได้ พร้อมกับได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยสมบูรณ์ ซึ่งถือเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของครอบครัวตำรวจ ด้วยการพัฒนาธุรกิจเกษตร เพื่อสร้างเป็นรายได้เสริมแก่ครอบครัวในอีกทางหนึ่ง

“ธนินท์” กล่าวว่าโครงการนี้เกิดจากการที่ซีพีเห็นถึงความสำคัญของอาชีพตำรวจ โดยเฉพาะตำรวจชั้นผู้น้อยที่มีรายได้ไม่เพียงพอ ทั้งยังไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง และหากถึงวัยเกษียณจะประสบปัญหา และมีความเดือดร้อนในชีวิตบั้นปลาย

“โครงการหมู่บ้านเกษตรสันติราษฎร์ที่ซีพีทำ เพราะอยากทำเป็นตัวอย่างให้ตำรวจชั้นผู้ใหญ่เห็น ทั้งยังต้องการสะท้อนปัญหาของตำรวจชั้นผู้น้อยที่อยู่ตามโรงพัก เวลาเกษียณมักจะไม่มีบ้านอยู่อาศัย โดยในตอนนั้นซีพีซื้อที่ดินจำนวน 230 ไร่ ไร่ละ 70,000 บาท และจัดสรรพื้นที่ให้กับครอบครัวตำรวจที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ และปลูกบ้านให้ 1 หลัง”

“โครงการนี้ทำให้ตำรวจมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองบนพื้นที่ไร่ครึ่ง อีกทั้งยังมีธุรกิจเกษตรเป็นรายได้เพิ่มจากเงินเดือนประจำของข้าราชการตำรวจ จนในที่สุดสามารถปลดหนี้กว่า 56.3 ล้านจากธนาคารได้ จึงทำให้ซีพีจัดงานมอบกรรมสิทธิ์บ้าน และที่ดิน พร้อม 4 ธุรกิจ ภายใต้การบริหารของบริษัท เกษตรสันติราษฎร์ จำกัด ให้กับครอบครัวตำรวจทั้ง 31 ครอบครัว”

“โครงการนี้ทำให้เห็นถึงความยั่งยืน เพราะไม่ใช่เป็นโครงการที่เราให้เปล่า แต่ความยั่งยืนในมิตินี้คือการกู้เงินมา แล้วยังสามารถจ่ายดอกเบี้ย คืนเงินต้นได้ ที่สำคัญ ยังมีกำไรจากการดำเนินธุรกิจ ซึ่งตรงนี้ต่างหากเรียกว่ายั่งยืน ถ้าหากทำโครงการในลักษณะให้เปล่า แล้ววันหนึ่งไม่ได้ให้เปล่า คืนเงินต้นไม่ได้ คืนดอกเบี้ยไม่ได้ แล้วเขาจะอยู่ได้อย่างไร แต่ถ้าโครงการคืนดอกเบี้ยได้ คืนเงินต้นได้แล้วยังมีกำไร ยังมีรายได้ที่มาก มีเงินเหลือเก็บ ซึ่งถ้าเราสามารถทำแบบนี้ได้ เมื่อต้องการขยายกิจการ ธนาคารก็จะยินดีปล่อยกู้ให้ รับรองแบงก์แย่งกันปล่อยกู้ให้แน่นอน เพราะมีความสามารถในการชำระหนี้”

“ธนินท์” กล่าวเพิ่มเติมว่าโมเดลลักษณะนี้ ถ้าภาคเอกชน หรือหน่วยงานอื่นจะนำไปดำเนินการต่อ เรายินดี แต่สิ่งสำคัญคือต้องมีเจ้าภาพ เหมือนคราวนี้ผมได้เรียนท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่าท่านไปหาอีก 10 โรงพักมา ที่มีความเหมาะสม และทางซีพีจะไปเข้าไปทำให้เกิดความยั่งยืนเหมือนที่นี่

“เพราะเกษตรกรขาด 3 เรื่อง คือ 1.ขาดเงินทุน 2.ไม่มีความรู้ ไม่มีเทคโนโลยี และประการที่ 3 คือ ไม่มีตลาด ถ้าเรามีเงิน มีเทคโนโลยี แต่ไม่มีตลาดก็ล้มอีก ผลิตสินค้าแล้วจะไปขายให้ใคร หรือซื้อในราคาถูก แล้วมีความสามารถในการคืนเงินต้น คืนดอกเบี้ย และมีกำไรได้อย่างไร สิ่งเหล่านี้ซีพีต้องรับผิดชอบดูแล เมื่อทำสำเร็จแล้ว อย่าไปห่วงว่าจะไม่มีใครทำ ซึ่งถ้าทำสำเร็จ ให้คนมาเรียนรู้ ตามความสามารถเขา เราเก่งเรื่องเกษตรก็ว่าเรื่องเกษตรไป ถ้าเขาเก่งเรื่องการตลาดก็เอามารวมกัน แล้วมารับผิดชอบเกษตรกรร่วมกัน”

“ถ้าหากมองเรื่องผลตอบแทนทางธุรกิจ ถือว่าซีพีได้รับประโยชน์ แต่ขณะเดียวกัน เกษตรกรต้องได้ก่อน เราต้องรับผิดชอบเกษตรกรให้มีกำไรเลี้ยงครอบครัวได้ พร้อมทั้งต้องคืนเงินต้นคืนดอกเบี้ยให้ธนาคารได้ พอคืนเงินเสร็จ มีโอกาสขยายการเพาะปลูก นี่ละถึงเรียกว่าความยั่งยืนที่แท้จริง”

โครงการหมู่บ้านเกษตรสันติราษฎร์ ถือเป็นหนึ่งในโครงการตามแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืนของซีพีที่มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้ทุกภาคส่วนในสังคมเติบโตไปพร้อมกัน

ที่ผ่านมาซีพีดำเนินโครงการพัฒนาสร้างงาน สร้างอาชีพ เสริมรายได้ในรูปแบบหมู่บ้านเกษตรกรรมในหลากหลายโครงการ ทั้งหมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้า จ.ฉะเชิงเทรา, หมู่บ้านเกษตรกรรมกำแพงเพชร จ.กำแพงเพชร ซึ่งเป็นการจัดสรรที่ดินพร้อมส่งเสริมอาชีพเลี้ยงสุกร และยังมีโครงการไก่ไข่ 3 ล้านตัว ผิงกู่-เครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่เขตผิงกู่ กรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนอีกด้วย