คอลัมน์ เทสต์ คาร์
โดย วุฒิณี ทับทอง
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- หุ้นกู้ออกใหม่ 12 บริษัทแห่ขายเดือน เม.ย.นี้ จ่ายดอกเบี้ยสูงสุด 7.40%
เข้าสู่ช่วงปลายปีบรรยากาศความคึกคักของตลาดรถยนต์บ้านเราเริ่มเพิ่มดีกรีความร้อนแรง
โดยเฉพาะตลาดรถที่ว่ากันว่า กินส่วนแบ่งตลาดรถยนต์บ้านเรามากที่สุดอย่างตลาดรถปิกอัพ ขนาด 1 ตัน
เรียกว่า ตลอดช่วงระยะที่ผ่านมาค่ายรถยนต์ต่างเพิ่มความสดใหม่ สร้างแรงดึดดูดให้ “โปรดักต์” ของตัวเองอย่างต่อเนื่อง
นั่งนับนิ้วไล่เรียงกันแล้วเรียกว่า วันนี้มีความเปลี่ยนแปลงกัน “ครบ” ทุกค่าย ทั้งไมเนอร์เชนจ์ เมเจอร์เชนจ์ และโมเดลเชนจ์ มากบ้าง น้อยบ้าง ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์และการวางไทม์ไลน์แผนการตลาดของแต่ละค่าย
ล่าสุด “ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสร่วมทริปทดสอบ “ไฮลักซ์ รีโว่” ที่มาพร้อมกับความสดใหม่ของระบบขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ที่อยู่ในรถปิกอัพหัวเดียวที่โตโยต้าเคลมว่าเป็นคันแรกและคันเดียวของตลาดในขณะนี้
ไม่รอช้า…ตกปากรับคำทีม พี.อาร์. นำทีมโดย “พี่ซ่า” ปรีชา โพธิ ผอ.ฝ่าย พี.อาร์.และกิจกรรมเพื่อสังคม ร่วมทริปทดสอบไฮลักซ์ รีโว่ ในเส้นทาง “ขอนแก่น-พิษณุโลก” ที่โตโยต้าตั้งใจเลือกมาโดยเฉพาะ
เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ทางเศษฐกิจของภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย หรือทางหลวงหมายเลข 12 ที่ตัดผ่านจากชายแดนแม่สอด จ.ตากไปสิ้นสุดที่ จ.มุกดาหาร
เชื่อมระหว่างภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ที่รัฐบาลต้องการให้เป็นถนนสายเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก
ซึ่งช่วงเส้นทางที่ทีมโตโยต้าเลือกนั้นเรียกว่า สวยที่สุดอีกหนึ่งเส้นทาง
สำหรับรถโตโยต้า รีโว่ คันที่ “ประชาชาติธุรกิจ” ได้ทดสอบครั้งนี้เป็นหมายเลข 13 “ลักกี้นัมเบอร์”
หนึ่งในขบวนรถหลากรุ่นทั้ง 15 คันที่โตโยต้านำมาร่วมทดสอบครั้งนี้ครบไลน์โปรดักต์ รถคันที่เรารับหน้าที่ดูแลในเส้นทางนี้ ถือเป็นรุ่น “ขวัญใจมหาชนคนขนส่ง” ทั้งลูกจ้าง เจ้าของกิจการ และพนักงานขับรถที่ต้องการทั้งสมรรถนะ ความสะดวกสบาย
อย่างที่บอกคันที่เราทดสอบเป็นรุ่นหัวเดียว มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2.4J แบบขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
มาพร้อมด้วยภาระอันหนักอึ้งรวม 500 กิโลกรัมที่กระบะท้ายบรรทุกข้าวสาร “รัชมงคล” จากโรงสีข้าวของโตโยต้า และข้าวของเครื่องใช้ที่โตโยต้าตั้งใจให้เราทดสอบ บรรทุกจริง เหมือนเช่นเดียวกับสภาพการใช้งานที่ลูกค้าได้ซื้อไปใช้แล้ว
ยังถือเป็นโอกาสดีที่นำสิ่งของเหล่านั้นไปร่วมบริจาคให้กับสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง อ.วังทอง จ.พิษณุโลกด้วย
นานแค่ไหนที่ไม่ได้นั่งรถกระบะหัวเดียว เรียกว่าย้อนกลับไปเป็นหลักหลายสิบปี
ภายในห้องโดยสารของรถคันนี้ ถือว่าออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ขับและผู้โดยสาร
ตกแต่งด้วยโทนสีดำ เน้นความเรียบง่ายของการจัดวางตำแหน่งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในห้องโดยสาร
ทั้งระบบเครื่องเสียง ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ มีช่องสำหรับเสียบ USB และรองรับระบบเชื่อมต่อบลูทูท กระจกไฟฟ้าขึ้น-ลงแบบอัตโนมัติด้านคนขับ
มีระบบไล่ฝ้าหลัง กุญแจรีโมต ส่วนเบาะที่นั่งสามารถปรับระดับสูง-ต่ำทำได้ง่าย ปรับเอนหลังได้ ต่างจากกระบะรุ่นเดิม ๆ ที่ต้องนั่งหลังตรงเด๊ะ
ออกจากสนามบินขอนแก่น เริ่มต้นการเดินทาง ระยะทางทั้งทริป 350 กิโลเมตร การขับขี่มีหลากหลายรูปแบบ
ทั้งการขับในเมือง นอกเมืองเส้นทางคดเคี้ยวขึ้น-ลงเขา ถนนสองเลนวิ่งสวนกัน เรียกว่าได้ทดสอบครบจบในทริปเดียว
ความคล่องตัวของรถคันนี้ แม้จะแบกภาระอีกกว่า 500 กิโลกรัมที่กระบะท้าย แต่การทำงานของเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร VN TURBO ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ของเครื่องยนต์จนได้กำลังถึง 150 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผันใหม่ ให้ทั้งความแรง ทนทาน และประหยัด
ยิ่งในจังหวะของการออกตัวนั้น ไม่มีอาการอืดอาดออกมาให้เห็น ช่วงวิ่งติดลมบนกำลังความแรงของเครื่องยนต์ เรียกมาได้แบบไม่มีเหนื่อย
เส้นทางวิ่งขึ้น-ลงเข้าช่วงผ่านอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์นั้น ถือว่าประทับใจกับช่วงล่างและพวงมาลัยที่โตโยต้าเซตมาได้ค่อนข้างดี
มีทั้งความแม่นยำ คมกริบแล้ว ช่วงล่างยังไว้ใจได้ เกาะติดถนน ผ่านมาได้ทุกโค้งแบบสบายมือ ส่วนระบบส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดนั้น ก็ทำได้ไม่เคอะเขิน
หากใครที่ยังติดกับการใช้งานเกียร์ธรรมดา
โตโยต้ายังใส่โหมดแมนวลมาให้ เพียงผลักคันเกียร์ไปที่ตัว S ผู้ขับก็สามารถปรับเปลี่ยนเชนจ์เกียร์ได้ตามความต้องการ
เมื่อถึงจุดหมายที่ อ.วังทองแล้ว ทำพิธีมอบของเรียบร้อย สัมภาระบนกระบะหลังหายไปแล้ว
ความรู้สึกเปลี่ยนไปพอสมคาร ช่วงล่างมีความแข็ง กระด้าง ทำให้เรารู้สึกถึงการสัมผัสพื้นผิวของถนนได้มากขึ้น
ซึ่งอันนี้เข้าใจได้ และถือเป็นเรื่องปกติของรถกระบะเพื่อการใช้งาน
ส่วนเรื่องของอัตราสิ้นเปลืองที่เราจับกันคร่าว ๆ จากการใช้งานจริง วิ่ง บรรทุกของด้วยความเร็วเฉกเช่นเดียวกับการขับในชีวิตปกติราว 90-120 กม.ต่อ ชม.
กับระยะทาง 350 กม. ไฮลักซ์ รีโว่ “ลักกี้นัมเบอร์” ของเราทำอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 18.78 กม.ต่อลิตร ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย
ถึงตรงนี้…หากจะถามหา ความคุ้มค่าเพื่อบรรทุกในการใช้งานเพื่อการขนส่ง
รถคันนี้ถือว่าแรงจริง ประหยัดจริง และน่าสนใจไม่น้อยด้วยสนนราคาค่าตัว 6.19 แสนบาท
รับข่าวสาร ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ อย่าลืมกดติดตาม
และกดปุ่ม See first (เห็นโพสต์ก่อน)
www.facebook.com/PrachachatOnline
ทวิตเตอร์ @prachachat
ติดตามอ่านข่าวสารจากประชาชาติออนไลน์ ทันสมัย-ทันใจ
ดาวน์โหลดผ่านแอปพลิเคชั่น >> Prachachat << ได้แล้ววันนี้
ทั้งระบบ ios และ android
อ่านประชาชาติธุรกิจ ทั้งฉบับผ่าน e-Newspaper
ได้ที่แอปพลิเคชั่น Ookbee เลือก “ประชาชาติ”