นาทีทอง น้องใหม่ IPO ตบเท้าเข้าตลาดรับดัชนีวิ่ง-

ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้กลับมาคึกคักอีกระลอก หลังจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯวิ่งทะลุระดับ 1,600 จุด แถมทำให้บรรดาบริษัทที่ชะเง้อรอแต่งตัวเข้าตลาดหุ้น ได้ฤกษ์เรียงแถวเข้าจดทะเบียนกันหลายแห่ง

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้รวบรวมบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคำขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ซึ่งบริษัทที่ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว มีจำนวนทั้งสิ้น 24 บริษัท แบ่งเป็นขอเข้า SET 13 บริษัท และ mai 11 บริษัท (ข้อมูล ณ 8 กันยายน 2560)

ในจำนวนนี้มีหลายบริษัทมุ่งมั่นจะขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชน (IPO) หรือคาดว่าจะมีความชัดเจนด้านการกำหนดราคาและเข้าทำการซื้อขาย (เทรด) วันแรกภายใน 1-2 เดือนนี้ (ก.ย.-ต.ค. 2560) ซึ่งจากการสำรวจพบว่า บจ.จากทั้ง SET และ mai ที่เตรียมขายหุ้นและเข้าเทรด มีจำนวนใกล้เคียงกัน

เร็ว ๆ นี้บริษัทที่กำลังจะเทรดใน SET อีกไม่นาน มี 2 บริษัท ได้แก่ บมจ.พริมา มารีน (PRM) ธุรกิจขนส่งและจัดเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีทางเรือ ซึ่งเคาะราคาขายหุ้น IPO แล้วที่ 8.00 บาท จำนวน 650 ล้านหุ้น และปิดจองซื้อไปแล้ว ซึ่งจะเข้าเทรด SET วันที่ 14 ก.ย. 2560

ขณะที่ PRM จะได้เงินจากการระดมทุนราว 5.2 พันล้านบาท มีแผนจะนำไปซื้อเรือลำใหม่ และขยายกองเรือในธุรกิจเรือขนส่งและการจัดเก็บน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป และธุรกิจเรือขนส่งและสนับสนุนปฏิบัติการทางทะเล รวมถึงชำระคืนหนี้ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

มาที่ บมจ. ส.กิจชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (SKN) ผู้ผลิตและส่งออกแผ่นไม้เอ็มดีเอฟก็เตรียมจะขายหุ้น IPO จำนวน 200 ล้านหุ้น ล่าสุดเคาะราคาจองที่ 7.35 บาท โดยเปิดจองวันที่ 15,18-20 ก.ย. นี้ และเข้าเทรดวันแรกใน SET ประมาณวันที่ 26 ก.ย. 2560

“วิชัย แสงวงศ์กิจ” กรรมการผู้จัดการของ SKN กล่าวว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนประมาณ 1,470 ล้านบาท โดยจะใช้ 2 ส่วน ได้แก่ 1.ขยายสายการผลิตใหม่ และเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 5 แสนลูกบาศก์เมตรต่อปี และ2.ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมระยะยาว วงเงินคงเหลือประมาณ 600 ล้านบาท ที่ใช้สร้างสายการผลิตเดิม เนื่องจากธุรกิจไม้เอ็มดีเอฟเติบโตตามความต้องการของโลก ขณะที่บริษัทรับออร์เดอร์ล่วงหน้า 2 เดือน

“ธุรกิจเรามีจุดแข็งเรื่องกระแสเงินสดที่ดีมาก เพราะเมื่อเรารับออร์เดอร์การผลิตล่วงหน้า 2 เดือน ลูกค้าจะต้องมัดจำเงินด้วย เมื่อผลิตเสร็จก่อนจะส่งสินค้า ลูกค้าต้องโอนเงินส่วนที่เหลือมาก่อน ทำให้เรามีกระแสเงินหมุนเวียนที่ดี” นายวิชัยกล่าว

ส่วนปัจจัยเสี่ยงของธุรกิจ นายวิชัย มีเรื่องราคาวัตถุดิบหลักที่ใช้ไม้ต้นยาง แต่ราคาไม่ค่อยเหวี่ยงขึ้นนัก และการบริหารความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งทำให้อาจต้องทำป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน

ขณะที่น้องใหม่จ่อเข้าตลาด mai ในเร็ววัน คือ บมจ.อินฟอร์เมชั่น แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น เน็ทเวิร์คส (ICN) ผู้รับเหมาวางระบบ-จัดจำหน่าย และให้บริการบำรุงรักษาระบบสื่อสารโทรคมนาคมแบบครบวงจร โดย ICN ขายหุ้น IPO ประมาณ 120 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 1.84 บาท ซึ่งปิดจองขายหุ้นแล้ว และน่าจะเข้าเทรดวันที่ 15 ก.ย. 2560 โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนราว 220 ล้านบาท จะใช้เป็นทุนหมุนเวียน รองรับงานประมูลโครงการระบบสื่อสารโทรคมนาคม งานก่อสร้างและวางระบบไฟฟ้าขนาดใหญ่

และอีกบริษัทหนึ่ง คือ บมจ.เชียงใหม่ ริมดอย (CRD) รับเหมาก่อสร้างทั้งอาคาร รวมถึงก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคในภาคเหนือตอนบน ซึ่งเตรียมจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 150 ล้านหุ้น ในตลาด mai เช่นกัน แต่ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างกำหนดวันและราคาเสนอขายหุ้น IPO ซึ่งน่าจะได้ข้อสรุปในเดือน ต.ค.นี้ รวมถึงเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ภายในปีนี้ ส่วนเงินระดมทุนที่ได้จะนำไปใช้ในช่วงปี 2560-2561 เพื่อซื้อเครื่องจักร และเป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับโครงการก่อสร้างการขยายธุรกิจในอนาคต

ช่วงนี้ถือเป็นจังหวะเหมาะในการขายหุ้น IPO อย่างมาก เพราะเป็นช่วงที่ดัชนีทะยานเหนือความคาดหมาย หลังจากที่ช่วง 8 เดือนเศษ (ณ 7 ก.ย. 60) ดัชนีได้ปรับตัวขึ้นไปแล้ว 5.81% มาอยู่ที่ 1,632.66 จุด จากก่อนหน้านี้ 1,542.94 จุด (30 ธ.ค. 2559) ซึ่งตลาดหุ้นที่เด้งขึ้น ส่งผลดีทั้งการตั้งราคาหุ้น IPO รวมถึงเข้าเทรดวันแรกก็ลุ้นทะยานตามตลาด

ช่วงนี้ถือเป็น “นาทีทอง” ของ บจ.น้องใหม่ที่ระดมทุนได้ราคาหุ้นดี นักเล่นหุ้นก็ฝันอยากได้กำไรหลังหุ้นเข้าตลาด