คปภ.อนุมัติกรมธรรม์ “ประกันภัยสวนยางพารา” รายแรก เบี้ย 99 บาท/ไร่

สวนยาง ยางพารา

คปภ.อนุมัติกรมธรรม์ “ประกันภัยสวนยางพารา” ให้บริษัทประกันรายแรก เบี้ยประกัน 99 บาทต่อไร่ วงเงินเอาประกัน 1,600 บาทต่อไร่ จ่ายสินไหมแบบ Top Up จากที่ได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐ เงื่อนไขรับประกันต้นยางช่วงอายุ 7-26 ปี คุ้มครองภัยธรรมชาติเป็นเหตุได้รับความเสียหายโดยสิ้นเชิง

วันที่ 9 สิงหาคม 2565 นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า โครงการส่งเสริมให้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ตอบโจทย์ความต้องการของพี่น้องประชาชนในแต่ละภาค ภายใต้โครงการ 1 ภาค 1 ผลิตภัณฑ์ประกันภัย เป็นนโยบายสำคัญของสำนักงาน คปภ. ที่ดำเนินการเชิงรุกเพื่อให้ประชาชนในทุกภูมิภาคสามารถเข้าถึงระบบประกันภัยและมีผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ตอบโจทย์ความต้องการอย่างแท้จริง

สุทธิพล ทวีชัยการ
สุทธิพล ทวีชัยการ

สำหรับปีนี้สำนักงาน คปภ. ภาค 8 (สุราษฎร์ธานี) ได้เสนอ “โครงการ 1 ภาค 1 ผลิตภัณฑ์ (ประกันภัยยางพารา) เนื่องจากยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจหลักที่สำคัญเป็นอันดับหนึ่งของภาคใต้ และยังเป็นพืชเศรษฐกิจอันดับ 2 ของประเทศ โดยจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีจำนวนเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรปลูกยางพารา จำนวน 81,829 ครัวเรือน และมีพื้นที่ปลูกยางพารามากกว่า 2 ล้านไร่

เลขาธิการ คปภ. กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ปัจจุบันมีกรมธรรม์ประกันภัยสวนยางพารา ที่นายทะเบียนได้ให้ความเห็นชอบแบบและข้อความกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันภัยรายหนึ่ง เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2565 โดยรับประกันภัยต้นยางช่วงอายุ 7-26 ปี ความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้จะให้ความคุ้มครองภัยธรรมชาติหลัก ซึ่งบริษัทตกลงที่จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยสำหรับความเสียหายของต้นยางพาราที่ปลูกในพื้นที่เพาะปลูกที่เอาประกันภัย ซึ่งได้รับความเสียหายโดยสิ้นเชิง อันเป็นผลเนื่องจาก

1.ไฟไหม้ รวมถึงไฟไหม้ที่เกิดจากหรือเป็นผลมาจากฟ้าผ่า (ไม่มีระยะเวลารอคอย)

2.ภัยน้ำท่วม (มีระยะเวลารอคอย 7 วัน)

3.ภัยลมพายุ (มีระยะเวลารอคอย 7 วัน)

ซึ่งภัยดังกล่าวผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีการประกาศเป็นเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินในระยะเวลาเอาประกันภัย ซึ่งความคุ้มครองดังกล่าวจะช่วยให้เกษตรกรผู้ปลูกยางพารามีเครื่องมือประกันภัยเพื่อบริหารความเสี่ยงต่อภัยธรรมชาติ

เบี้ยประกันภัยรายปี (รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม) 99 บาทต่อไร่ จำนวนเงินเอาประกันภัย 1,600 บาทต่อไร่ โดยการจ่ายค่าสินไหมทดแทนของบริษัทประกันภัยเป็นการคุ้มครองส่วนที่เพิ่มเติม (Top Up) จากที่ได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐ ซึ่งยางพาราอยู่ในส่วนของไม้ยืนต้นก็จะเป็น 4,048 บาทต่อไร่ ไม่เกิน 30 ไร่ ตามหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน

“เราต้องเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางตั้งแต่กระบวนการเพาะปลูกยางพารา การขึ้นทะเบียนเกษตรกร การขอทุนเงินช่วยเหลือจาก ก.ย.ท ม. 49 (5) เหตุการณ์ภัยพิบัติ เช่น พายุเกย์ น้ำท่วมภาคใต้ ปี 2554 การเพาะปลูกยางพารา การช่วยเหลือของ กยท. และเงื่อนไขความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยสวนยางพาราต่อไป นอกจากนี้จะปรับปรุงแบบผลิตภัณฑ์ประกันภัยยางพาราให้ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน และส่งเสริมให้บริษัทประกันภัยเข้าร่วมมากขึ้นต่อไป” นายสุทธิพลกล่าว

เลขาธิการ คปภ. กล่าวอีกว่า สำนักงาน คปภ. ได้ให้ความสำคัญกับภาคเกษตรกรรมของประเทศเป็นอย่างมาก โดยได้ดำเนินการขับเคลื่อนการพัฒนากรมธรรม์ประกันภัยเพื่อการเกษตรตามแผนยุทธศาสตร์สำนักงาน คปภ. ระยะ 3 ปี (2564-2566) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนด้วยการทำให้อุตสาหกรรมประกันภัยมีเสถียรภาพ สร้างความรู้ความเข้าใจด้านการประกันภัยให้แก่ประชาชน พัฒนาเครือข่ายและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมาย และปรับปรุงกระบวนการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ประชาชนด้านการประกันภัยอย่างครบวงจร โดยสามารถผลักดันให้เกิดการพัฒนาด้านประกันภัยทางการเกษตรของประเทศผ่านการดำเนินนโยบายที่สำคัญในหลายด้าน อาทิ การประกันภัยข้าวนาปีและการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

สำนักงาน คปภ. ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ในการนำระบบประกันภัยไปช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางด้านเศรษฐกิจของประชาชน โดยเฉพาะภาคเกษตรกรรมของประเทศ ซึ่งอาชีพเกษตรกรรมในปัจจุบันมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากต้องพึ่งพิงปัจจัยทางธรรมชาติเป็นอย่างมาก จึงมีความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม, ภัยแล้ง, ฝนทิ้งช่วง, ลมพายุ และแมลงศัตรูพืช ฯลฯ

โดยในปีนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2565 เห็นชอบในหลักการการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2565 ซึ่งในปีนี้ได้กำหนดเป้าหมายรวม จำนวน 29 ล้านไร่ นอกจากนี้ ครม.ได้เห็นชอบในหลักการการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2565 โดยมีพื้นที่เป้าหมายรวม จำนวน 2.12 ล้านไร่

นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. ได้ร่วมมือทางวิชาการร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการและการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการประกันภัยการเกษตร เพื่อร่วมมือผลักดันประกันภัยด้านการเกษตรให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และบริหารจัดการความเสี่ยงในการทำการเกษตรของเกษตรกรแบบครบวงจร สร้างความเข้มแข็งแก่ภาคเกษตรกรรมในประเทศไทยให้ประสบผลสำเร็จอย่างยั่งยืน

รวมทั้งสำนักงาน คปภ. ยังได้ร่วมกับศูนย์บริการวิชาการจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศึกษา วิจัยเพื่อยกร่างกฎหมายประกันภัยพืชผลทางเกษตรโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบประกันภัยให้รองรับความเสี่ยงภัยของเกษตรกรอย่างยั่งยืน และเพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจและสามารถบริหารความเสี่ยงภัยจากภัยธรรมชาติ ให้บริษัทประกันภัยช่วยรับภาระความเสี่ยง

และบริหารความเสี่ยงแทนภาครัฐและรองรับนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการจัดการงบประมาณของรัฐบาล ในการชดเชยเยียวยาเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติ โดยให้ระบบประกันภัยร่วมเป็นกลไก ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการเกษตร และสอดคล้องกับแผนการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ