SET รับแรงหนุนเงินเฟ้อสหรัฐชะลอ แต่ Upside จำกัดแนวต้าน 1,620-1,628 จุด

หุ้น-ดัชนีหุ้น

หุ้นไทยรับปัจจัยหนุนระยะสั้นจากเงินเฟ้อสหรัฐชะลอตัว SCBS ชี้ภาพรวม Upside จำกัด ให้กรอบบนแนวต้านที่ 1,620-1,628 จุด ส่วนกรอบล่างแนวรับที่ 1,605 จุด

วันที่ 11 สิงหาคม 2565 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ (SCBS) วิเคราะห์แนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET Index) ว่า คาด SET แม้ได้รับปัจจัยหนุนระยะสั้นจากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐประจำเดือน ก.ค.ที่ชะลอตัวกว่าคาด

อย่างไรก็ตาม มองดัชนีขึ้นสะท้อนมาระดับหนึ่งแล้ว ขณะที่ให้ระวังการขายทำกำไรหลังจบช่วงรายงานงบฯ Q2/2565 ทำให้ยังคาดในภาพรวมดัชนีมี upside จำกัด โดยมีแนวต้านที่ 1,620-1,628 จุด ส่วนกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1,605 จุด หากต่ำกว่า เริ่มเป็นลบ และมีแนวรับถัดไปที่ 1,590 จุด

โดยประเด็นสำคัญวันนี้ ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐเดือน ก.ค.ที่ออกมาขยายตัว 8.5% ต่อปี (YOY) ต่ำกว่าคาด ทางด้าน FedWatch Tool เพิ่มโอกาสที่ Fed ขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในเดือน ก.ย. เป็น 61.5% ส่วนขึ้น 0.75% เหลือเพียง 38.5%

ในขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อจีนเดือน ก.ค. ออกมาสูงสุดในรอบ 2 ปี จากราคาเนื้อหมูพุ่งสูง 20% นอกจากนี้ จีนยุติซ้อมรบรอบเกาะไต้หวันแล้ว แต่ยังต้องจับตาสถานการณ์ต่อไป

ด้านฮ่องกงลดกักตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 7 เหลือ 3 วัน หนุนยอดจองเที่ยวบินขาเข้า-ขาออกเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าไทยจะเป็นเป้าหมายการท่องเที่ยวของชาวฮ่องกง

ส่วนราคาน้ำมันร่วงอีก หลังจากยูเครนเปิดท่อส่งน้ำมันไปยังยุโรปแล้ว

ขณะที่ปัจจัยในประเทศ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ตามคาด ขณะที่สมาคมธนาคารไทยแถลงขึ้นดอกเบี้ย ค่อยเป็นค่อยไปเพื่อชะลอผลกระทบลูกค้ารายย่อย ซึ่งคาดว่าธนาคารพาณิชย์จะชะลอไม่ขึ้นดอกเบี้ยตามใน 3-4 เดือนจากนี้

ทั้งนี้ ต้องจับตาวันนี้ คณะกรรมการเศรษฐกิจเฉพาะกิจจะมีการหารือมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้า หลัง กกพ. ยืนยันปรับขึ้นค่า Ft งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.นี้

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนนั้น ตลาดการเงินเริ่มผ่อนคลายขึ้น หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ เงินเฟ้อพื้นฐาน และราคาสินค้าโภคภัณฑ์เริ่มชะลอตัวลง ทำให้เป็นไปได้ว่าเฟดจะเปลี่ยนท่าทีต่อนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น

ส่วนตลาดหุ้นไทยช่วงสั้นคาดยังผันผวนขึ้นอยู่กับการเก็งกำไรงบฯ 2Q65 กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ และ/หรือ มีโมเมนตัมกำไรฟื้นตัวดี

ทั้งนี้ ภายใต้ภาวะตลาดยังอยู่ในช่วงประกาศผลประกอบการของกลุ่ม real sector จึงเน้นเลือกกลุ่มลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ และ/หรือมีโมเมนตัมกำไรดี ดังนี้

1) หุ้นได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวฟื้นตัว ซึ่งคาดผลการดำเนินงาน 2Q65 เติบโตดีทั้ง YOY (เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน) และ QOQ (เทียบไตรมาสก่อนหน้า) เลือก ERW, MINT, CRC และ AOT

2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Fund Flow ที่มีทิศทางไหลเข้า และภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น เลือก BBL, KBANK และ KTB

3) หุ้นพลังงานซึ่งคาดกำไร 2Q65 เติบโตดีและมองราคาน้ำมันปรับตัวลงมาในจุดที่น่าสนใจแล้ว เลือก PTT และ  BCP