ลูกหนี้ กยศ. รอความชัดเจนกฎหมายใหม่ ชะลอจ่ายหนี้เพียบ

กยศ.

กยศ.เริ่มเห็นสัญญาณชะลอจ่ายหนี้ เงินเข้ากองทุน ลดเหลือวันละ 10 ล้านบาท จากเดิมเฉลี่ยวันละ 50 ล้านบาท หลังลูกหนี้รอความชัดเจนกฎหมายใหม่ “ลดเบี้ยปรับ-ลดดอกเบี้ย” ชี้กฎหมายบังคับใช้สูญเงินปีละ 6,000 ล้านบาท

วันที่ 23 กันยายน 2565 นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณลูกหนี้ กยศ. ชะลอจ่ายหนี้คืน เนื่องจากผู้กู้ยืมกำลังรอความชัดเจน พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาฉบับใหม่ ซึ่งกำลังจะเข้าสู่การพิจารณาในสมาชิกวุฒิสภาในเดือน พ.ย.นี้ ว่าจะมีการลดเบี้ยปรับและลดดอกเบี้ยกู้ยืมหรือไม่

โดยปัจจุบันการจ่ายหนี้ กยศ. รับชำระหนี้ 2 ทาง คือ 1.การหักจากบัญชีลูกจ้าง ซึ่งเป็นการร่วมมือกับสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย ในส่วนนี้ยอดไม่ลดลง และ 2.การจ่ายหนี้ด้วยตัวเอง มีอัตราชำระหนี้ลดลง จากเดิมมีการชำระหนี้วันละ 50 ล้านบาท แต่ปัจจุบันเหลือเพียงวันละ 10 ล้านบาทเท่านั้น

ทั้งนี้ ตามกฎหมายให้ กยศ.เก็บเบี้ยปรับได้ไม่เกิน 1% และดอกเบี้ยไม่เกิน 2% แต่ปัจจุบัน กยศ.เก็บทั้งดอกเบี้ยและเบี้ยปรับต่ำกว่ากฎหมายที่กำหนดไว้ จึงมองว่าดอกเบี้ยและเบี้ยปรับที่จัดเก็บในปัจจุบันมีความเหมาะสมแล้ว

ส่วนลูกหนี้ที่ถูกฟ้องเนื่องจากผิดนัดชำระหนี้นั้น ปัจจุบัน กยศ.ชะลอการฟ้องอยู่ที่ประมาณ 180,000 คน ซึ่งในจำนวนนี้เข้ามาไกล่เกลี่ยแล้วจำนวน 140,000 คน ดังนั้นจึงจะเปิดไกล่เกลี่ยหนี้ที่ กยศ.ทุกแห่งเพื่อให้ลูกหนี้สามารถเข้ามาไกล่เกลี่ยหนี้ได้ง่ายขึ้น ซึ่งปัจจุบันกลุ่มที่ผิดนัดชำระหนี้มีอยู่ 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มยากจน 2.กลุ่มที่ขาดวินัยทางการเงิน และ 3.กลุ่มที่ไม่มีจิตสำนึก เช่น มีเงินอยู่ในบัญชีธนาคารแต่ไม่ยอมจ่าย เป็นต้น

ส่วนปัจจุบัน กยศ.มีทรัพย์สิน 370,000 ล้านบาท รับชำระหนี้อยู่ปีละ 30,000 ล้านบาท และปล่อยกู้ปีละ 40,000 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้มีรายได้จากเบี้ยปรับและดอกเบี้ยปีละ 3,000 ล้านบาท รวมเป็น 6,000 ล้านบาท สำหรับผลการให้กู้ยืมในปีการศึกษา 2565 มีนักเรียน นักศึกษาได้รับอนุมัติให้กู้ยืมจำนวน 638,132 ราย รวมเป็นเงินให้กู้ยืมกว่า 38,879 ล้านบาท

“ในอนาคตอีก 5 ปีข้างหน้า (2566-2570) กยศ.มีรายจ่ายแน่นอนประมาณ 200,000 ล้านบาท ขณะที่รายรับนั้นได้ปีละ 30,000 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่ง 5 ปี ก็จะมีรายรับอยู่ที่ 150,000 ล้านบาท ส่วนกรณีที่ไม่มีดอกเบี้ยและถูกลดเบี้ยปรับนั้น จะทำให้ กยศ.เสียรายได้ปีละ 6,000 ล้านบาท ดังนั้นหลังจากนี้จะต้องขอความร่วมมือให้ลูกหนี้มีวินัยในการจ่ายหนี้ หรืออาจขอใช้งบประมาณจากภาครัฐ เพื่อประคับประคองกองทุนต่อไป”