คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ
แม้มีเสียงคัดค้านจากสภาผู้แทนราษฎรและอภิปรายอย่างกว้างขวางถึงข้อควรระวัง แต่ในที่สุดร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ฉบับที่… ผ่านวาระ 3 เป็นที่เรียบร้อย ด้วยมติเห็นด้วย 314 เสียง ไม่เห็นด้วย 3 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ไม่ลงมติ 2 เสียง สาระสำคัญของร่างกฎหมายใหม่ คือการกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาแบบปลอดดอกเบี้ย ไม่คิดค่าปรับผิดนัดชำระ และให้มีผลย้อนหลังทุกราย
การแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ถกเถียงกันอย่างมากมานานนับปี กรณีมี ส.ส.เสนอยกเลิกคิดดอกเบี้ย และค่าปรับผิดนัดชำระ เพราะมองว่าทำให้เด็กรุ่นใหม่ขาดวินัยทางการเงิน และอนาคตอาจเกิดปัญหากับกองทุน กยศ. เพราะเงินกองทุนดังกล่าวอยู่ในรูปแบบเงินหมุนเวียน ใช้วิธีเก็บเงินจากคนเก่าที่จบไปแล้วและถึงเวลาชำระ มาปล่อยกู้ให้นักศึกษารุ่นใหม่ต่อเนื่องกันไป
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ตัวเลขล่าสุด กยศ.ปล่อยกู้กว่า 6.9 แสนล้านบาท ลูกหนี้ 6.2 ล้านราย ปิดบัญชีไปแล้ว 1.6 ล้านราย เสียชีวิต 6.7 หมื่นราย อยู่ระหว่างการศึกษายังไม่ต้องชำระหนี้ 1 ล้านราย อยู่ระหว่างการชำระหนี้ 3.5 ล้านราย ในจำนวนนี้มีผู้ผิดนัดชำระหนี้กว่า 2.5 ล้านราย คิดเป็นมูลหนี้ 9 หมื่นล้านบาท
กยศ.ฟ้องร้องกลุ่มผิดนัดหลายแสนรายแล้ว จากตัวเลขค่อนข้างน่าตกใจว่ามีลูกหนี้แค่ 1 ล้านรายที่ทยอยจ่ายคืน โดย กยศ.จะได้หนี้คืนตกปีละ 3 หมื่นล้านบาท และสามารถปล่อยกู้รายใหม่ได้ปีละ 4 หมื่นล้านบาท
กฎหมายฉบับนี้เหลือเพียงขั้นตอนสุดท้ายคือผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา หากผ่านและประกาศใช้ หลายฝ่ายคาดกันว่าอาจเกิดความวุ่นวายตามมา ประเด็นหลัก ๆ เช่น ลูกหนี้ที่เคยจ่ายดอกเบี้ย และเบี้ยปรับก่อนหน้านี้จะได้เงินคืนหรือไม่ แต่น่าห่วงกว่าคือตัวเลขผิดนัดชำระจะเพิ่มจาก 2.5 ล้านราย ไปเป็นเท่าไหร่ รวมถึงลูกหนี้รายใหม่ที่ถึงกำหนดเริ่มชำระจะมีท่าทีอย่างไร
การยกเว้นทั้งดอกเบี้ยและค่าปรับผิดนัดชำระ ควรระวังว่าจะเปิดช่องให้คนเบี้ยวหนี้มากขึ้น หรือคนที่ยังลังเลว่าจะเริ่มจ่ายหรือรอไปก่อนตัดสินใจง่ายขึ้น เพราะไม่มีบทลงโทษใด ๆ ที่ผ่านมา กยศ.ออกหลายมาตรการผ่อนปรนอยู่เนือง ๆ
หรือบางครั้งถึงกับยกเว้นดอกเบี้ยหากลูกหนี้ติดต่อเข้ามาเพื่อเริ่มชำระ หรือแสดงตัวขอผ่อนผัน หลัก ๆ แล้วคนที่หายเงียบไปไม่ต่างจากตั้งใจผิดนัดชำระหนี้
หากเจตนารมณ์ของผู้เสนอกฎหมาย เพราะไม่ต้องการหารายได้จากดอกเบี้ย-ค่าปรับ เนื่องจากมองว่าเป็นเงินเพื่อการศึกษา ถ้าเช่นนั้นผู้เกี่ยวข้องควรออกแบบการเรียกหนี้คืนให้มีประสิทธิภาพมากกว่าที่เป็นอยู่ อาทิ การหักผ่านเงินเดือนโดยตรง จูงใจผ่อนชำระด้วยการนำรายจ่ายส่วนนี้ไปหักภาษี หรือคาดโทษให้มีชื่อติดเครดิตบูโร ฯลฯ
เพราะต้องไม่ลืมว่าหากมีหนี้ค้างชำระมาก ๆ ย่อมกระทบถึงจำนวนเด็กที่ต้องการเงินกู้เพื่อเข้าสู่สถาบันการศึกษาในอนาคตด้วย