คลังเผยที่ประชุมเอเปคห่วงเงินเฟ้อ-หนี้สาธารณะพุ่ง คาดปี’66 เศรษฐกิจโลกหดตัว

รมว.คลังเผยผลการประชุมเอเปค ครั้งที่ 29 ห่วงเงินเฟ้อ-หนี้สาธารณะพุ่ง คาดปี’66 เศรษฐกิจโลกหดตัว ด้านเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ คาดปี’65 โต 3.5% ปีหน้าพุ่ง 3.7% รับอานิสงค์ท่องเที่ยงฟื้น ชี้ยังออกแถลงการร่วมที่ประชุมไม่ได้ เหตุความเห็นไม่ตรงกันเรื่องสงคราม “รัสเซีย-ยูเครน”

วันที่ 20 ตุลาคม 2565 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ 29 ว่า ที่ประชุมได้มีการประเมินภาวะเศรษฐกิจ โดยผู้แทนจาก IMF ได้รายงานการคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2565 ว่าจะขยายตัวที่ 3.2% และคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2566 จะขยายตัวที่ 2.7% ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ชะลอตัวลง

ขณะที่สถานการณ์และทิศทางเศรษฐกิจไทย คาดว่าในปี 2565 เศรษฐกิจจะขยายตัว 3.5% และในปี 2566 คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.7% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภายในประเทศที่ขยายตัวการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และนโยบายการคลังในลักษณะที่มุ่งเป้า เพื่อบรรเทาผลกระทบจากราคาพลังงานและราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่เพิ่มสูงขึ้นพร้อมทั้งรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และส่งเสริมการลงทุนในระดับประเทศและระดับภูมิภาค

อย่างไรก็ดี ที่ประชุมยังมีความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ ที่มาจากราคาน้ำมัน และอาหาร นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเรื่องหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น เพราะสถานการณ์โควิดแต่ละประเทศกู้ยืมเงินจำนวนมาก เพื่อมาบรรเทาผลกระทบส่งผลให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น

ซึ่งไทยก็ไม่ใช่เป็นเทศเดียวที่มีการกู้เงิน แต่ไม่ได้สูงที่สุด ดังนั้น เมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลายแล้ว จะต้องมีการปฏิรูปโครงสร้างภาษีเพื่อเก็บรายได้เพิ่ม และเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วย ขณะเดียวกันโครงการลงทุนของภาครัฐจะชะลอไป เพราะช่วงโควิดใช้เม็ดเงินมาดูแลประชาชนจำนวนมาก และจะให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น

“เศรษฐกิจโลกยังคงมีปัจจัยเสี่ยงจากแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวด ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องและสถานการณ์ที่ส่งผลต่อราคาพลังงานที่สูงขึ้น

ทั้งนี้ ผลการคาดการณ์ดังกล่าวสอดคล้องกับการวิเคราะห์ของ ADB และ APEC PSU นอกจากนี้ ADB ได้ให้ข้อเสนอแนะว่าความร่วมมือของภูมิภาคเอเปคในด้านการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจและการเงินจะช่วยส่งผลให้เศรษฐกิจของเอเปคสามารถฟื้นตัวได้อย่างยั่งยืนและมีเสถียรภาพ”

ทั้งนี้ ที่ประชุมสามารถบรรลุฉันทามติได้ในเนื้อหาส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมไม่สามารถบรรลุฉันทามติในบางประเด็น ในการนี้ จึงจำเป็นต้องออกแถลงการณ์ประธานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อเป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุม

“การประชุมครั้งนี้ ไม่สามารถออกแถลงการร่วมของที่ประชุมครั้งนี้ได้ แต่ออกได้เพียงแถลงการณ์ของประธานการประชุม เนื่องจากที่ประชุมมีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน แต่ในเรื่องเศรษฐกิจและการบริหารการคลังมีความเห็นตรงกันในเรื่องการสร้างความยั่งยืนทางการคลัง พร้อมกับจะนำเสนอผลการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในเดือน พ.ย.นี้”