จิตตะเวลธ์ เพิ่มแผนลงทุน “หุ้นเทคจีน” ชี้ตลาดหุ้นจีนร่วงแรงแค่ระยะสั้น

ตลาดหุ้นจีน
REUTERS/Aly Song

บลจ.จิตตะ เวลธ์ เปิดแผนลงทุน Jitta Ranking หุ้นเทคโนโลยีจีน A-share จดทะเบียนในตลาด “เซี่ยงไฮ้-เสิ่นเจิ้น” รายได้โตต่อเนื่อง เผยสถิติ 10 ปี ทำผลตอบแทนเฉลี่ยแบบทบต้นได้ถึง 19.02% ต่อปี ปรับพอร์ตอัตโนมัติทุก 3 เดือน ชี้ตลาดหุ้นจีนปรับร่วงแรงแค่ระยะสั้น เป็นจังหวะสะสม พื้นฐานเศรษฐกิจระยะยาวแนวโน้มโตดี วงเงินลงทุนขั้นต่ำเริ่มต้นที่ 500,000 บาท

 

วันที่ 26 ตุลาคม 2565 นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) จิตตะเวลธ์ จำกัด สตาร์ตอัพสัญชาติไทยที่มีจำนวนกองทุนส่วนบุคคลภายใต้การบริหารมากที่สุดในประเทศ เปิดเผยว่า ในช่วงตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงแรงในเวลานี้ ถือเป็นจังหวะเหมาะในการสะสมหุ้นจีน เนื่องจากเป็นการปรับลดจากปัจจัยระยะสั้นมากกว่า แต่หากพิจารณาปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจในระยะยาว จะพบว่าเศรษฐกิจจีนยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี

ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์
ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์

โดยเฉพาะนโยบายในระยะ 5 ข้างหน้าที่ประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ได้เอ่ยในสุนทรพจน์ที่กล่าวในงานประชุมผู้แทนระดับชาติแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป จะพบว่ามีการเน้นย้ำคำว่า “เทคโนโลยี”ถี่มากขึ้นกว่าในอดีตหลายเท่าตัว สะท้อนความพยายามผลักดันให้เศรษฐกิจจีนผงาดขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งด้านเศรษฐกิจเทียบเคียงกับสหรัฐ ในระยะ 5 ปี ข้างหน้าย่อมต้องมีอุตสาหกรรมเทคโนโลยีจีนขึ้นเป็นจ่าฝูง หนุนให้เศรษฐกิจจีนขึ้นไปท้าชิงเบอร์หนึ่งของโลกได้

ตลาดหุ้นจีนปรับร่วงแรงแค่ระยะสั้น

“การกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้มีความชัดเจนที่จีนจะเดินหน้ากลยุทธ์การขับเคลื่อนประเทศด้วยนวัตกรรมและผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในอนาคต ด้วยความสามารถจากภายในทั้งบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สร้างระบบนิเวศนวัตกรรมที่เปิดกว้างและแข่งขันได้ทั่วโลก เป็นผู้บุกเบิกและเป็นต้นแบบของการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในสาขาที่สำคัญ รวมถึงจะเร่งผลักดันจีนให้เป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมอีกด้วย”

นายตราวุทธิ์กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลจีนมีการสนับสนุนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีผ่านแผนพัฒนาประเทศ 5 ปีฉบับที่ 14 และนโยบาย Made in China 2025 ที่ผลักดันให้จีนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการผลิตจีนได้เพิ่มงบประมาณวิจัย และพัฒนาอย่างน้อย 7% ต่อปี โดยในปี 2020 ประเทศจีนมีงบประมาณในการวิจัย และพัฒนาคิดเป็น 2.4% ของ GDP หรือคิดเป็น 563 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าเป็นประเทศที่มีงบประมาณในการวิจัยและพัฒนามากเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐ       จีนมีรายจ่ายด้านวิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยีคิดเป็น 76% ของรายจ่ายด้านวิจัยและพัฒนาทั้งหมด ในปี 2021 เพิ่มขึ้นจาก 50% ในปี 2012

การที่รัฐบาลจีนกำลังทุ่มสรรพกำลังทั้งเงินทุน พร้อมทั้งคนเพื่อสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีจีนอย่างจริงจัง ทำให้บริษัทเทคโนโลยีของจีนเติบโตโดดเด่นจนก้าวขึ้นมาเทียบชั้นยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาได้ในเวลาเพียงไม่กี่ปี บริษัทเทคโนโลยีจีนที่มีส่วนแบ่งตลาดสูง เช่น Union Pay ธุรกิจบัตรเครดิตที่มีส่วนแบ่งตลาด 45% หรือแม้กระทั่งแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์ที่กำลังจะโค่น Facebook ลงได้อย่าง Tiktok ด้วยยอด 656 ล้านดาวน์โหลดในปี 2021 หรือธุรกิจแห่งอนาคตอย่างรถยนต์พลังงานสะอาดก็มี BYD Auto Co., Ltd. ที่ครองส่วนแบ่งตลาด 16.9% ของโลก เป็นต้น

แม้ในปี 2021 ที่ผ่านมา หุ้นเทคโนโลยีจีนจะได้รับแรงกดดันจากนโยบาย Common Prosperity แต่ในปีนี้เองทางการเริ่มผ่อนคลายแรงกดดันลงอย่างชัดเจน จึงจะเห็นได้ว่าหุ้นเทคโนโลยีจีนได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก ขณะที่ขนาดของตลาดในประเทศที่มีประชากรกว่า 1.4 พันล้านคน ยังสร้างความได้เปรียบต่อการเติบโตของบริษัทสตาร์ตอัพ เพราะการเติบโตของบริษัทเทคโนโลยีเน้นการขยายตัวของผู้ใช้งานเป็นหลัก

ขณะที่บางมณฑลของจีนมีประชากรเกินกว่า 100 ล้านคน เทียบเท่ากับประเทศใหญ่ประเทศหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งประชาชนจีนมีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต 1,032 ล้านคนในปี 2021 มีผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน 953 ล้านคน ในขณะที่มีผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนที่รองรับ 5G เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลล่าสุดในเดือนพฤษภาคม สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ในตลาดกว่า 85% รองรับเทคโนโลยี 5G ปัจจุบันจีนเป็นประเทศที่มีโครงข่ายสัญญาณ 5G มากที่สุดในโลกอยู่ที่ 2 ล้านเสาสัญญาณ

“จีนมีความพร้อมด้านเงินทุน และประชากร สนับสนุนให้บริษัทเทคโนโลยีจีนเติบโต รุดหน้าอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่ปี โดยเฉพาะสตาร์ตอัพจากจีน ซึ่งส่วนใหญ่จะระดมทุนผ่าน Private Equity และ Venture Capital หรือ PEVC ซึ่งจีนเป็นประเทศที่มี PEVC ลงทุนในสตาร์ตอัพมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก

ปี 2021 ด้วยมูลค่าการลงทุน 131 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และอยู่ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์มีมูลค่าสูงถึง 8.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้จีนมีสตาร์ตอัพระดับยูนิคอร์น (มูลค่าตลาดมากกว่า 1 พัน ล้านดอลลาร์สหรัฐ) อยู่ที่ 174 บริษัท มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐ”

ด้วยโอกาสที่หุ้นเทคโนโลยีจีนจะเติบโตได้สูง ล่าสุดบริษัทจึงได้เปิดแผนการลงทุนในกองทุนส่วนบุคคลใหม่ “Jitta Ranking หุ้นเทคโนโลยีจีน” เพื่อรับโอกาสการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของจีน และยังช่วยนักลงทุนเพิ่มทางเลือกในการกระจายความเสี่ยงพอร์ตลงทุนและรับผลตอบแทนสูงอีกด้วย

โดยจะคัดกรองหุ้นจีนประเภท A-share ของบริษัทเทคโนโลยีที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ (SSE) และตลาดหลักทรัพย์เสิ่นเจิ้น (SZSE) ที่มีรายได้เติบโตต่อเนื่อง ด้วยอัลกอริทึมของ AI ที่จะคัดเลือกหุ้นดีราคาถูก และปรับพอร์ตของคุณโดยอัตโนมัติทุก 3 เดือน ซึ่งจะสร้างความมั่นใจได้ว่า นักลงทุนจะได้ลงทุนใน “หุ้นคุณภาพดี ราคาเหมาะสม และมีโอกาสเติบโตสูง” อยู่เสมอ

ปัจจุบันกองทุนส่วนบุคคล Jitta Ranking มีนโยบายลงทุนให้นักลงทุนได้เลือก ทั้งหมด 8 นโยบายด้วยกัน ประกอบด้วย 1.หุ้นไทย 2.หุ้นเวียดนาม 3.หุ้นญี่ปุ่น 4.หุ้นจีน 5.หุ้นสหรัฐ 6.หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐ 7.หุ้นสุขภาพสหรัฐ โดยวงเงินลงทุนขั้นต่ำใน Jitta Ranking เริ่มต้นที่ 500,000 บาท เพิ่มทุนครั้งละ 50,000 บาท

ทั้งนี้ จากการทดสอบผลตอบแทนย้อนหลัง (Back Test) เป็นเวลา 10 ปี (2555-2564) แผนลงทุน Jitta Ranking หุ้นเทคโนโลยีจีนสามารถทำผลตอบแทนเฉลี่ยแบบทบต้นได้ถึง 19.02% ต่อปีหลังหักค่าใช้จ่ายและรวมปันผลแล้ว ซึ่งสูงกว่าผลตอบแทนของดัชนี CSI300 Total Return ที่ทำได้เพียง 10.06% ต่อปีในช่วงเดียวกัน เป็นเครื่องยืนยันว่าการลงทุนหุ้นเทคโนโลยีจีนกับ Jitta Ranking ช่วยให้เงินลงทุน เติบโตได้ชัดเจนในระยะยาว

“การลงทุนในกองทุนส่วนบุคคล Jitta Ranking หุ้นเทคโนโลยีจีน จะเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสปั้นพอร์ตเติบโตให้นักลงทุน เนื่องจาก AI จะช่วยนักลงทุนขจัดอุปสรรคในการติดตามข่าว วิเคราะห์งบการเงิน และกฎระเบียบการลงทุนอันเข้มงวดสำหรับนักลงทุนต่างชาติของจีน โดย AI จะเลือกสรรและปรับพอร์ตลงทุนให้อัตโนมัติ เพิ่มความสะดวกให้นักลงทุน”

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth นโยบายการลงทุน Jitta Ranking หุ้นเทคโนโลยีจีน ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด สามารถดูข้อมูลได้ที่ https://jitta.co/3TDrafP หรือปรึกษาผู้แนะนำการลงทุน ได้ที่ LINE @JittaWealth