KKP ทำนายธุรกิจไหนตาย/รอด เมื่อโครงสร้างประชากรไทยเปลี่ยน

KKP Research ฉายภาพธุรกิจไหน “ตาย” ธุรกิจไหน “รอด” ชี้โครงสร้างประชากรเปลี่ยน ตลาดของคนสูงวัยจะโตขึ้นมาก ขณะที่การเปลี่ยนแปลง 5 ด้าน จะส่งผลต่อธุรกิจในประเทศอย่างมาก

วันที่ 12 พฤศจิกายน 2565 KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) ประเมินว่า ธุรกิจไทยกำลังจะมีโครงสร้างที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาลตามโครงสร้างประชากร โดยจากโครงสร้างประชากรธุรกิจที่อาศัยอุปสงค์จากกลุ่มคนวัยเด็ก วัยทำงาน วัยสร้างครอบครัว และวัยกลางคน จะมีอุปสงค์ที่ลดลงอย่างมาก โดยหดตัวลงถึงประมาณ 10% ในขณะที่กลุ่มธุรกิจที่พึ่งพาอุปสงค์จากคนสูงอายุจะเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยตลาดจะขยายตัวมากกว่า 30%

ทั้งนี้ ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบทางลบมากที่สุด คือ ยานยนต์ การศึกษา เอนเตอร์เทนเมนท์ ร้านอาหาร ตัวอย่างที่เห็นได้ค่อนข้างชัด คือ ในช่วงที่ผ่านมามหาวิทยาลัยเริ่มมีการปิดตัวบางสาขาจากจำนวนนักศึกษาที่ลดลง

ในขณะที่ธุรกิจที่จะมีความต้องการเพิ่มมากขึ้นมากที่สุด คือ สุขภาพ บริการ สาธารณูปโภค ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่ผู้สูงอายุมีความต้องการมากที่สุด สอดคล้องกับตัวเลขการขายหุ้นของนักลงทุนที่มีการขายสุทธิระหว่างปี 2015 -2019 ในบางกลุ่มธุรกิจ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของไทย เช่น ภาคอุตสาหกรรม ธนาคาร สินค้าอุปโภคบริโภค ตอกย้ำว่าการขายหุ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเกิดจากปัญหาเชิงโครงสร้างระยะยาวที่ทำให้เศรษฐกิจและธุรกิจหลายกลุ่มในไทยชะลอตัวลง

โดย 5 การเปลี่ยนแปลงสำคัญที่จะส่งผลอย่างมากต่อธุรกิจในประเทศ คือ 1) การเปลี่ยนแปลงจากธุรกิจสำหรับเด็กไปสู่ธุรกิจสำหรับคนสูงอายุ ธุรกิจสำหรับเด็ก เช่น โรงเรียนจะหดตัว ธุรกิจสำหรับคนสูงอายุ เช่น โรงพยาบาลจะขยาตัวอย่างมาก 2) การเปลี่ยนผ่านจากภาคอุตสาหกรรมสู่ภาคบริการ ในปี 2050 แรงงานไทยจะมีจำนวนลดลง 11.5 ล้านคน ซึ่งจะส่งผลให้ไทยไม่สามารถเป็นฐานการผลิตในภาคอุตสาหกรรมได้

3) จากนอกเมืองสู่เมืองใหญ่ ประชากรที่ลดลงจะทำให้หลายพื้นที่ในประเทศไทยไม่สามารถรักษาความเป็นเมืองไว้ได้และมีโอกาสเกิด oversupply ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ 4) จากความต้องการเงินกู้เงินเพื่อครอบครัวและธุรกิจ สู่ความต้องการบริการด้านการเงินเพื่อจัดการความมั่งคั่งเพื่อเตรียมเกษียณอายุ 5) จากเงินบาทแข็งค่าสู่ความเสี่ยงเงินบาทอ่อนค่า จากการสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในภาคการผลิต