ส่องธุรกิจหุ้น KJL ก่อนเทรด mai วันแรก 22 พ.ย.

บมจ.กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในราคาหุ้นละ 13.50 บาท ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาไอพีโอ (IPO) 1,566 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า “KJL” 22 พ.ย. 65

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในราคาหุ้นละ 13.50 บาท ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาไอพีโอ (IPO) 1,566 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า “KJL” ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565

โดยปัจจุบัน บริษัทประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายตู้ไฟสวิตช์บอร์ด รางเดินสายไฟ อุปกรณ์ที่ใช้เดินสายไฟ และชิ้นส่วนงานโลหะแผ่นแปรรูปสั่งผลิตพิเศษ ด้วยเครื่องจักรและเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย บริษัทมีผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ ตู้ไฟสวิตช์บอร์ด รางเดินสายไฟ รางไวร์เวย์ รางเคเบิลแลดเดอร์ รางเคเบิลเทรย์ ทั้งแบบพ่นสีและงานชุบสังกะสี หรือฮอตดิปกัลวาไนซ์ (Hot-Dip Galvanized)

นอกจากนี้ บริษัทยังให้บริการประกอบและจำหน่ายอุปกรณ์ภายในตู้ไฟ ออกแบบและผลิตงานไฟฟ้าและระบบควบคุม รวมถึงออกแบบ ตัด พับ และผลิตโลหะแผ่นแปรรูป ในรูปแบบที่หลากหลายตามลักษณะการใช้งานและความต้องการของลูกค้า ปัจจุบัน กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัท ได้แก่ ตัวแทนจำหน่าย ผู้รับเหมาไฟฟ้า ร้านค้าจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วไป และลูกค้าผู้ใช้งานระดับองค์กร

บริษัทมีการเติบโตและมีกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีพัฒนาการที่สำคัญ เช่น การเพิ่มกำลังการผลิต การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การลงทุนในเครื่องจักรระบบคอมพิวเตอร์จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทขนาดใหญ่ของโลกที่เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์และเครื่องจักรแปรรูปโลหะ รวมทั้งพัฒนาระบบผลิตอัตโนมัติในโรงงาน

นอกจากนี้ บริษัทมีการร่วมมือทางธุรกิจกับชไนเดอร์ อิเลคทริคจากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าชั้นนำระดับโลก ได้ให้ลิขสิทธิ์แก่บริษัท เพื่อผลิตและจำหน่ายตู้สวิตช์บอร์ดไฟฟ้ารุ่น Prisma iPM ที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานในการออกแบบตู้ควบคุมไฟฟ้าแรงดันตํ่า หรือ IEC 61439 (License Type Test) เป็นต้น

สัดส่วนรายได้

ข้อมูลและรายละเอียดรายได้จากการขายแยกตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ของของบริษัท สำหรับรอบปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562 2563 และ 2564 และสำหรับงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2565

ในปี 2562-2564 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 753.67 ล้านบาท 708.18 ล้านบาท 845.78 ล้านบาท ตามลำดับ โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) อยู่ที่ร้อยละ 5.93 ต่อปี และในงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 และ 2565 จำนวน 424.92 ล้านบาท และ 502.89 ล้านบาท ตามลำดับ

โดยรายได้รวมของบริษัท ประกอบด้วย 1) รายได้จากการขาย คิดเป็นสัดส่วนของรายได้ทั้งหมดเฉลี่ยร้อยละ 98.96 ซึ่งโดยหลักเป็นรายได้จากการขายสินค้ามาตรฐานเคเจแอล และสินค้าสั่งผลิต และ 2) รายได้อื่น คิดเป็นสัดส่วนของรายได้ทั้งหมดเฉลี่ยร้อยละ 1.04 ซึ่งเป็นรายได้ค่าเช่าที่พักจากพนักงาน และดอกเบี้ยรับเป็นหลัก

สรุปฐานะทางการเงิน

สรุปฐานะการเงินและผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี (ปี 2562-ปี 2564) และสำหรับงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2565

 

ณ สิ้นปี 2562–2564 และ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 บริษัทมีสินทรัพย์รวมจำนวน 617.42 ล้านบาท 733.96 ล้านบาท 721.88 ล้านบาท และ 808.60 ล้านบาท ตามลำดับ

โดย ณ สิ้นปี 2563 บริษัทมีสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.87 จาก ณ สิ้นปี 2562 จากการรับโอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเป็นการรับโอนกิจการทั้งหมดจากบริษัทที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ในช่วงปลายปี 2563 ได้แก่ 1) บริษัท เคเจแอล พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ โฮลดิ้ง จำกัด 2) บริษัท เคเอส พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด และ 3) บริษัท กันยา พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งทรัพย์สินที่บริษัทรับโอนมา เพื่อใช้เป็นอาคารสำนักงาน อาคารโรงงาน และอาคารคลังสินค้า ในการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน

หมายเหตุ –1/ ต้นทุนขาย  กำไรขั้นต้น  และค่าใช้จ่ายด้านการตลาด สำหรับปี 2562 ตัวเลขไม่ตรงกับตัวเลขในงบการเงิน เนื่องจากบริษัทได้มีการจัดประเภทรายการทางบัญชีใหม่ (Reclassify) ของรายการค่าใช้จ่ายที่ให้ลูกค้าเดินทางไปท่องเที่ยว (Trip) ซึ่งเดิมบันทึกเป็นอยู่ในค่าใช้จ่ายด้านการตลาดในปี 2562 จำนวน 13.53 ล้านบาท โดยจัดประเภทค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นต้นทุนขาย เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 15 เรื่อง รายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า(TFRS 15) และเพื่อให้สามารถเปรียบเทียบกับงบการเงินปี 2563-2564 และงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 และปี 2565

2/  กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานคำนวณโดยการหารกำไรสำหรับปี (ไม่รวมกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น) ด้วยจำนวนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นสามัญที่มีอยู่ในระหว่างงวด

3/  ในเดือนกรกฎาคม ปี 2565 บริษัทได้เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้จากเดิมหุ้นละ 100.00 บาท เป็นหุ้นละ 0.50 บาท  ส่งผลให้จำนวนหุ้นสามัญเพิ่มขึ้นจาก 430,000 หุ้น เป็นหุ้นสามัญจำนวน 86,000,000 หุ้น โดยบริษัทได้ปรับปรุงการคำนวณกำไรต่อหุ้นสำหรับงวดสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2565 เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 33 เรื่อง กำไรต่อหุ้น เพื่อประโยชน์ในการเปรียบเทียบ จำนวนหุ้นสามัญถัวเฉลี่ยน้ำหนักที่นำมาใช้ในการคำนวณกำไรต่อหุ้น สำหรับงวดสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ได้ถูกปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงจำนวนหุ้นในงวดปัจจุบัน เสมือนว่าการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้นั้น ได้เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นงวดปี 2564

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

ณ วันที่ 11 กรกฎาคม 2565 โครงสร้างการถือหุ้นของบริษัท ก่อนและหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก สรุปดังนี้

ทั้งนี้เป็นการถือหุ้นผ่านบริษัท เคเจแอล อิเลคทริค จำกัด เป็นบริษัทที่จัดตั้งในประเทศไทย ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company)  โดยมีผู้ถือหุ้น เป็นดังนี้

ขายหุ้นไอพีโอ 30 ล้านหุ้น

บริษัทหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 30,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 25.86 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยแบ่งสัดส่วนดังนี้ั

แผนระดมทุน

จำนวนเงินรวมสุทธิที่บริษัท จะได้รับจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนครั้งนี้ ภายหลังหักค่าธรรมเนียมการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง จะมีจำนวนประมาณ 384.97 ล้านบาท โดยบริษัทมีแผนที่จะนำเงินสุทธิที่บริษัทได้รับไปใช้ ดังนี้

นโยบายจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40%

บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40.00 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีจากงบฯเฉพาะกิจการและหลังหักเงินสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนด หรือตามที่คณะกรรมการบริษัท หรือที่ประชุมผู้ถือหุ้น แล้วแต่กรณี จะพิจารณาการจ่ายเงินปันผล โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นเป็นหลัก และการจ่ายเงินปันผลนั้นจะต้องไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานตามปกติอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้

โดยจะขึ้นอยู่กับความจำเป็นและความเหมาะสมอื่นใดในอนาคตและปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการบริหารงานของบริษัท ตามที่คณะกรรมการบริษัท และ/หรือ ผู้ถือหุ้นเห็นสมควร เช่น ผลการดำเนินงาน ผลการประกอบกิจการ และฐานะการเงิน สภาพคล่อง แผนการขยายธุรกิจ รวมถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องในการบริหารงาน  เป็นต้น

ทั้งนี้  บริษัทมีประวัติการจ่ายเงินปันผล ในช่วงปี 2562-2564 และงวด 6 เดือน ปี 2565 มีดังนี้