แบงก์คาด กนง.ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ลุ้นโควิดจีน กดดันเงินบาทผันผวน

เงินบาท
Image by Suwit Luangpipatsorn from Pixabay

แบงก์ประเมินกรอบเงินบาท 35.40-36.30 บาทต่อดอลลาร์ จับตา “เงินเฟ้อสหรัฐ-นโยบายคุมโควิดในจีน” คาดประชุม กนง. 30 พ.ย.นี้ ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 1.25% พร้อมปรับตัวเลขประมาณการจีดีพี คาดหนุนเงินบาทแข็งค่า

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2565 นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า (วันที่ 28 พฤศจิกายน-2 ธันวาคม 65) เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 35.50-36.30 บาทต่อดอลลาร์

โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม จะเป็นตัวเลขอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐ ซึ่งตลาดจะรอดูว่าตัวเลขจะออกมาชะลอตัวลงเหมือนเงินเฟ้อ PCI หรือไม่ รวมถึงตัวเลขอัตราการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non Farm Payroll) คาดว่ายอดจ้างงานจะต่ำกว่า 2 แสนตำแหน่ง ซึ่งหากตัวเลขทั้ง 2 ตัวออกมาค่อนข้างดี จะสะท้อนว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ยเหมือนที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี ระหว่างทางยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม และมีผลกับค่าเงินบาท โดยเฉพาะสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศจีนที่กลับรุนแรงอีกครั้ง หากทางการจีนมีการประกาศล็อกดาวน์จะมีผลต่อค่าเงินหยวนมีทิศทางอ่อนค่าได้ระหว่าง 7-7.2 ได้

นอกจากนี้ ต้องติดตามผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ คาดว่าคณะกรรมการจะปรับขึ้นดอกเบี้ยตามคาดที่ระดับ 0.25% จาก 1.00% เป็น 1.25% ต่อปี รวมถึงเป็นรอบของการปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจ ซึ่งตลาดรอดูมุมมองของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต่อเศรษฐกิจ หากส่งสัญญาณดูดีขึ้น จะช่วยหนุนเงินบาทแข็งค่า

สำหรับกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย (ฟันด์โฟลว์) ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้น 5,400 ล้านบาท และตลาดพันธบัตร (บอนด์) ขายสุทธิราว 8,800 ล้านบาท ซึ่งมองไปข้างหน้าเชื่อว่านักลงทุนยังคงเทขายสุทธิ เพราะแนวโน้มเงินบาทอยู่ในทิศทางแข็งค่า และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Yield) ปรับลดลง ทำให้มีแรงเทขายพันธบัตรระยะสั้นและยาวเพื่อทำกำไร (Take Profit) โดยคาดว่าจะเห็นแรงเทขายราว 5,000 ล้านบาท

“แนวโน้มค่าเงินบาทเราอาจเห็นการสวิงในฝั่งอ่อนค่าได้และแข็งค่าได้ด้วย โดยสัปดาห์หน้าจะมีอีเวนต์และตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตามค่อนข้างเยอะ รวมถึงต้องรอดูถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด และสถานการณ์โควิดในจีน ซึ่งทั้ง 2 ตัวนี้จะมีผลต่อตลาดและเงินบาทได้”

จีน-เฟด-กนง. ปัจจัยชี้ความเคลื่อนไหวค่าเงิน

นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ธนาคารประเมินกรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า (วันที่ 28 พฤศจิกายน-2 ธันวาคม 65) อยู่ที่ 35.40-36.25 บาทต่อดอลลาร์

ทั้งนี้ ปัจจัยติดตามจะเป็นข้อมูลการใช้จ่ายผู้บริโภคและการจ้างงานของสหรัฐ รวมถึงความเห็นของประธานเฟด ซึ่งจะส่งผลต่อการคาดการณ์ดอกเบี้ยสหรัฐต่อไป นอกจากนี้ นักลงทุนยังให้ความสนใจกับมาตรการคุมโควิด-19 ในจีนและราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก

สำหรับปัจจัยในประเทศ คาดคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ต่อปี สู่ 1.25% ต่อปี ในการประชุมวันที่ 30 พ.ย.นี้ โดยตลาดจะดูการประเมินของ กนง.เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเป็นสำคัญ

“เงินบาทแข็งค่าในเดือนนี้ ตามมุมมองที่ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ชะลอลง กระแสเงินทุนไหลเข้า และราคาน้ำมันที่ลดลง อย่างไรก็ดี ทิศทางการผ่อนปรนมาตรการควบคุมโรคของจีนยังเป็นไปอย่างสับสน และคาดว่ากระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายไร้ทิศทางชัดเจนในช่วงปลายปี”