สรรพสามิตทบทวนปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ คาดเสร็จต้นปี 2566

สรรพสามิตทบทวนปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ คาดเสร็จต้นปี 2566

สรรพสามิตทบทวนโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ คาดเสร็จต้นปี 2566 เพิ่มความเหมาะสมในทุกมิติ ทั้งการจัดเก็บรายได้รัฐ สุขภาพประชาชน แก้ปัญหาบุหรี่เถื่อน

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 นายธีรัชย์ อัตนวานิช รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เปิดเผยว่า ยสท.อยู่ระหว่างการหารือกับกรมสรรพสามิตเกี่ยวกับโครงสร้างอัตราภาษีบุหรี่ทั้งระบบ ซึ่งต้องพิจารณาในทุกมิติ ทั้งการจัดเก็บรายได้ภาครัฐ สุขภาพของประชาชน และหากราคาบุหรี่แพงมาก บุหรี่เถื่อนก็ทะลักเข้ามา

รวมถึงต้องประเมินว่า ที่ผ่านมามีจำนวนผู้สูบบุหรี่มากขึ้นหรือลดลง และต้องพิจารณาพฤติกรรมของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่หันมาสูบบุหรี่ไฟฟ้าด้วย ซึ่ง ยสท.และกรมสรรพสามิตจะต้องทำงานร่วมกันเกี่ยวกับเรื่องการพิจารณาปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ เพื่อให้เป็นอัตราที่เหมาะสมต่อทุกฝ่าย

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวว่า กรมสรรพสามิตอยู่ระหว่างหารือทบทวนการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่ใหม่ คาดว่าจะใช้เวลาในการศึกษาทบทวนราว 1-2 เดือน หรือจะแล้วเสร็จในช่วงต้นปี 2566 อย่างไรก็ตาม ประเด็นการทบทวนโครงสร้างภาษีบุหรี่ครั้งนี้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะเปิดเผยรายละเอียด เพราะไม่ต้องการให้มีการกักตุนบุหรี่ และเกิดปัญหาจนไม่สามารถปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ได้

ทั้งนี้ การปรับปรุงโครงสร้างภาษีบุหรี่ครั้งนี้ต้องการให้อัตราภาษีสะท้อนความเป็นจริงของพฤติกรรมผู้บริโภค เพราะหากราคาบุหรี่แพงมากเกินไปก็จะยิ่งทำให้มีการลักลอบนำเข้าบุหรี่เถื่อนเพิ่มขึ้น ซึ่งบุหรี่เถื่อนมีทั้งคุณภาพและไม่มีคุณภาพ ซึ่งหากบริโภคบุหรี่ที่ไม่มีคุณภาพหรือบุหรี่ปลอม ก็อาจเป็นอัตราต่อสุขภาพของผู้บริโภคที่สูบบุหรี่ได้


สำหรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ปัจจุบันมีการจัดเก็บ 2 อัตรา บุหรี่ขายปลีกไม่เกินซองละ 72 บาท เสียภาษีเพิ่มเป็น 25% ส่วนบุหรี่ที่มีราคาขายปลีกเกินซองละ 72 บาท จะเสียภาษี 42% ซึ่งจัดเก็บมาตั้งแต่ 1 ต.ค. 64