จิตตะ เวลธ์ ลุ้นปี 2566 ตลาดฟื้นยกแผง ลงทุนตราสารหนี้สหรัฐ-หุ้นเอเชีย

ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์
นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด

บลจ.จิตตะ เวลธ์ ประเมินปี 2566 เฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ย-เศรษฐกิจทั่วโลกทยอยฟื้นตัว แนะลงทุนตราสารหนี้สหรัฐฯ หุ้นฝั่งเอเชีย จีน เวียดนาม ญี่ปุ่นและไทย รวมถึงหุ้นสู้ภาวะเงินเฟ้อ-เศรษฐกิจถดถอย ยกตัวอย่าง เฮลธ์แคร์-เทคโนโลยี

วันที่ 14 ธันวาคม 2565 นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปีนี้มีหลากปัจจัยกดดันตลาดการลงทุน ทำให้ราคาสินทรัพย์ ปรับตัวลงทั่วโลก นำโดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ดัชนี S&P500 ปรับลดลงมาแล้ว -14.39% ขณะที่ดัชนี CSI300 ของจีนปรับลดลง -22.01%

สำหรับปีหน้าเศรษฐกิจโลกจะมีโอกาสลงทุนที่น่าสนใจในทุก ๆ ตลาด ซึ่งนักลงทุนไม่ควรมองข้าม โดยในช่วงต้นปีที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ย หลังจากได้ปรับลงอย่างรุนแรงในปีนี้ จนตลาดคาดว่าในปี 2566 อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ที่ระดับ 5.00-5.25% ซึ่งเป็นระดับที่สูงและอาจกระทบกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้

ดังนั้นอาจจะเห็นเฟดส่งสัญญาณการปรับลดดอกเบี้ยลงได้ในปลายปี 2566 ซึ่งจังหวะที่อัตราดอกเบี้ยทรงตัวและมีแนวโน้มปรับลดลง จะเป็นช่วงโอกาสทองของตลาดตราสารหนี้โดยเฉพาะพันธบัตรสหรัฐฯ และตราสารหนี้เอกชนที่มีคุณภาพหรือ Investment Grade ซึ่งนักลงทุนสามารถเพิ่มสัดส่วนการลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนที่ดีและมีความมั่นคง

นอกจากนี้สหรัฐฯ ยังมีแรงกดดันเรื่องเศรษฐกิจถดถอย (Recession) อยู่ ตลาดหุ้นในปีหน้าอาจจะไม่ได้หวือหวามากนัก แต่ยังมีหุ้นบางกลุ่มที่สามารถ ต่อสู้กับเงินเฟ้อและเศรษฐกิจถดถอยได้ อย่างหุ้นกลุ่มสุขภาพ (Health Care) หรือหุ้นเมกะเทรนด์อย่างกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับลดลงมามากในปีนี้

จิตตะ เวลธ์
จิตตะ เวลธ์ ลุ้นปี’ 66 ตลาดฟื้นยกแผง

โดยตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2656 ดัชนี Nasdaq ปรับลดลงมาแล้ว -26.70% จึงเป็นโอกาสเหมาะที่จะเข้าลงทุนเพื่อรับเมกะเทรนด์ในอนาคต

ในฝั่งกลุ่มประเทศในเอเชีย จะเห็นไทม์ไลน์สำคัญอย่างการผ่อนคลาย มาตราการ ZERO COVID ด้วยการเปิดประเทศของจีน ที่จะเป็นแรงหนุนสำคัญ ให้เศรษฐกิจโลกกลับมาฟื้นตัวได้ในภาพรวม ซึ่งคาดว่าจะเห็นการเปิดเมือง ในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2566 ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงตลาดหุ้นจีนที่ปรับลดลงไปกว่า -22.01% ในปีนี้จะกลับมาผงาดได้อีกครั้ง และยังจะส่งอานิสงส์ไปถึงตลาดหุ้น ทั่วโลกให้ฟื้นกลับมาได้ด้วย ดังนั้นนักลงทุนควรเริ่มสะสมหุ้นจีนตั้งแต่วันนี้ เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสการลงทุนครั้งใหญ่ได้

ในส่วนของตลาดหุ้นญี่ปุ่นและตลาดหุ้นไทยที่กำลังจะเริ่มฟื้นตัวหลังเปิดประเทศในปีนี้ จะได้รับแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นได้ในปีหน้า นอกจากนี้ประเทศไทยเองยังจะมีประเด็นเรื่องการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปี 2566 จะเป็นแรงหนุนกำลังซื้อในประเทศให้ฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้

เพราะการเลือกแต่ละครั้ง ย่อมมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบจำนวนมาก จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทย ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งตลาดหุ้นไทยและญี่ปุ่นถือเป็นแหล่งลงทุนที่มีเสถียรภาพ เหมาะที่จะนำมาสร้างสมดุลให้กับพอร์ตลงทุนได้ โดยหุ้นไทยแนะนำลงทุนในกลุ่มธนาคาร , ท่องเที่ยว และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศ

ขณะที่ตลาดหุ้นเวียดนามยังเป็นอีกตลาดที่นักลงทุนห้ามพลาด ด้วยราคาหุ้นที่ปรับลดลงตั้งแต่ต้นปีมาถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ปรับลดลงไปแล้ว -30.03% ทำให้ P/E Ratio อยู่ที่ 10.8 ถือว่าราคาค่อนข้างถูก เมื่อพิจารณาจากความต้องการลงทุนเพื่อย้ายฐานการผลิต ด้วยค่าแรงต่ำ และประชากรวัยหนุ่มสาวจำนวนมหาศาล จะทำให้เวียดนามมีเสน่ห์ และเป็นดาวเด่นได้ในระยะยาว

“จะเห็นได้ว่าในแต่ละช่วงเวลาของปี 2566 จะมีโอกาสการลงทุนที่กระจาย อยู่ทั่วทุกมุมโลก หากที่ผ่านมาเราเสียเวลาไปกับการรอ นั่นเท่ากับเรากำลังพลาด โอกาสที่เงินจะงอกเงย”นายตราวุทธิ์ กล่าว

ทั้งนี้จิตตะ เวลธ์ ช่วยให้นักลงทุนไม่พลาดโอกาสลงทุนทั้งในไทย และต่างประเทศได้ตั้งแต่วันนี้ ด้วยแผนการลงทุนที่หลากหลายเพื่อกระจายความเสี่ยง จากทั่วโลก ทั้งหุ้น หุ้นกู้ และพันธบัตรรัฐ พิเศษ! วันนี้หากลงทุนกับ Jitta Wealth ทุก 10,000 บาท รับเครดิตค่าธรรมเนียม 100 บาท สูงสุดถึง 100,000 บาท ตั้งแต่ 13-27 ธ.ค. 65