เช็กหุ้นปันผลเด่น-โบรกฯ แนะจังหวะเข้าซื้อดักทาง

หุ้นปันผล

โบรกฯ กางกลยุทธ์ดักทางเล่น “หุ้นปันผล” ทำกำไร “บล.ดาโอ” แนะเลือกหุ้นจ่ายปันผลปีละ 2 ครั้ง เน้นมีกำไรสม่ำเสมอ-ราคาหุ้นไม่สะวิง ยกเซ็กเตอร์อสังหาฯ เด่น ชี้ปีนี้ต้องรอซื้อช่วง เม.ย.-ส.ค. ฟาก “บล.กสิกรไทย” โชว์สถิติย้อน 7 ปีช่วงไตรมาสแรกของปี SETHD Index ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 7% สูงกว่า SET Index

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์ลงทุนหลักทรัพย์ บริษัท หลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การลงทุนหุ้นปันผล ปกติจะต้องเข้าซื้อกันตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค. แล้วไปขายวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD

โดยรอบต่อไปแนะนำให้รอเล่น หลังจากหุ้นแต่ละตัวขึ้นเครื่องหมาย XD ไปแล้ว โดยเข้าซื้อได้ในช่วงเดือน เม.ย.-ส.ค. 2566 ส่วนช่วงเวลานี้ ราคาหุ้นขึ้นมาค่อนข้างมากแล้ว จึงไม่สามารถลงทุนได้ทุกตัว

ทั้งนี้ หุ้นปันผล จะแยกออกเป็น 3 แบบคือ 1.จ่ายเงินปันผลปีละครั้ง เช่น บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) โดยราคาหุ้นจะลงแต่ไม่มาก แต่ราคาก็จะไม่เด้งกลับขึ้นมาจนกว่าจะถึงฤดูกาลหน้า 2.จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับว่ารอบแรกจ่ายปันผลมากหรือน้อยกว่ารอบหลัง ถ้ารอบหลังจ่ายปันผลมากกว่าราคาหุ้นลงหนักกว่า

ยกตัวอย่าง บมจ.ปตท (PTT) จ่ายปันผลรอบแรกไปแล้ว 1.30 บาทต่อหุ้น เหลือจ่ายตามคาดการณ์อีก 0.73 บาทต่อหุ้น ฉะนั้นผลกระทบต่อราคาจะลงไม่มากและ 3.จ่ายเงินปันผลไตรมาสละครั้ง กลุ่มนี้ราคาหุ้นจะไม่ค่อยลงหลังจากขึ้นเครื่องหมาย XD ทำให้นักลงทุนไม่จำเป็นต้องขาย หรือจะเข้าซื้อเมื่อไรก็ได้

“หุ้นปันผลสูงที่เราแนะนำ คือ บมจ.ศุภาลัย (SPALI) แม้จะไม่ใช่หุ้นที่จ่ายผลตอบแทนสูงเป็นอันดับต้น ๆ แต่ผลประกอบการช่วง 3 ปีติดต่อกัน มีการเติบโตและมีกำไรสม่ำเสมอ สะท้อนว่าความผันผวนของเงินปันผลจะต่ำ”

ตาราง หุ้นปันผลเด่น

นายมงคลกล่าวว่า อุตสาหกรรมที่มีการจ่ายเงินปันผลสูงที่สุด คือ เซ็กเตอร์อสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็น SPALI, บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI), บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) (AP) และ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) ซึ่งเป็น 4 หุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูงและสม่ำเสมอ นอกจากนั้นจะเป็นหุ้นบิ๊กแคปของแต่ละเซ็กเตอร์

“หุ้นที่จ่ายปันผลดีที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อพิจารณาเงินปันผล ความเสี่ยง และความผันผวน ชอบ PTT มากที่สุด เพราะโดยปกติจ่ายปันผลปีละ 2 บาทต่อหุ้น ทำให้ได้เงินปันผลสม่ำเสมอ มีราคาหุ้นผันผวนไม่มาก และความเสี่ยงล้มละลายมีน้อยมาก จึงน่าจะเป็นทางเลือกที่ดี ซึ่งสามารถทดแทนการลงทุนในตราสารหนี้ได้ด้วย เพราะจ่ายอัตราเงินปันผลตอบแทนในระดับ 5-6%”

ส่วนกลุ่ม บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) หรือ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) แม้จ่ายปันผลสูงอยู่แล้ว แต่ภาวะอุตสาหกรรมไม่ได้ได้อยู่ใน Growth Mode สะท้อนจากราคาหุ้นปรับตัวลง

นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า บริษัทมีการแนะนำให้ซื้อหุ้นปันผลตั้งแต่เดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา และให้ไปขายช่วงบริษัทต่าง ๆ เริ่มทยอยประกาศจ่ายปันผล หรือขึ้นเครื่องหมาย XD ประมาณปลายเดือน มี.ค. 2566

เนื่องจากหุ้นปันผลมักทำผลงานได้ดีในไตรมาส 1 ของทุกปีตั้งแต่ปี 2555 และพบว่า SETHD Index ให้ผลตอบแทนเป็นบวกติดต่อกันเป็นปีที่ 10 ไม่รวมสถานการณ์การระบาดโควิดในไตรมาส 1/2563

“กลยุทธ์ซื้อหุ้นก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD แล้วขายวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD (dividend capture) ให้ผลลัพธ์เทียบเท่าหรือดีกว่า SET Index ในไตรมาส 1 ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ SETHD Index ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 7% เทียบกับ SET Index ที่ 4.25% ในไตรมาส 1 ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ SETHD Index ประกอบด้วยหุ้นปันผลสูงจำนวน 30 ตัวที่ตลาดหลักทรัพย์ฯคัดเลือกมาทุก ๆ ครึ่งปี”

โดยกลยุทธ์ดังกล่าวอิงจากข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี เห็นถึงผลตอบแทนสูงสุดที่ 4.9% หากนักลงทุนซื้อหุ้นปันผลล่วงหน้า 4 เดือนก่อนวันขึ้นเครื่องหมาย XD ขณะเดียวกันหากนักลงทุนซื้อหุ้นปันผลล่วงหน้า 3 เดือน และ 1 เดือนก่อนวัน XD จะได้ผลตอบแทนที่ 3.5% และ 1.8% ตามลำดับ

“ช่วงนี้ ก็พอเก็งกำไรได้บ้าง เพียงแต่ผลตอบแทนจะน้อยลง โดยหุ้นปันผลที่เราแนะนำจะมี 3 กลุ่ม คือ 1.อสังหาริมทรัพย์ 2.ธนาคารพาณิชย์ และ 3.โรงไฟฟ้า แต่เนื่องจากราคาหุ้นไล่ขึ้นมามากพอสมควรแล้ว จึงลดความน่าสนใจลงไปบ้าง จะเหลือแค่กลุ่มโรงไฟฟ้าที่ราคายังไม่ค่อยขึ้น” นายฐกฤตกล่าว