หุ้นโรงพยาบาลรับต่างชาติปีนี้ปัง โบรกจับตาแผนขยายตลาด ชิงลูกค้าจีน

หุ้นโรงพยาบาล

โบรกฯ ประเมินปิดงบฯ ปี’65 หุ้นโรงพยาบาลกำไรพุ่ง-คนไข้ต่างชาติคัมแบ็ก “บล.กสิกรไทย” คาดกำไรปกติ 10 บริษัทแตะ 2.9 หมื่นล้านบาท เติบโต 17% ส่วนปี’66 แนวโน้มภาพรวมทั้งกลุ่มกำไรดร็อป 12% ขณะที่โรงพยาบาลกลุ่มรับคนไข้ต่างชาติ “BDMS-BH-PR9” เด่นต่อเนื่อง ขณะที่ “EKH” รับอานิสงส์จีนเปิดประเทศเต็ม ๆ

ด้านกลุ่มประกันสังคมคาดปีนี้ติดลบ 30-60% ฉุดกำไรทั้งแผงฟาก “บล.บัวหลวง” คาดเป็นปีที่ดีของโรงพยาบาลที่รับคนไข้ต่างชาติ จับตาแผนชิงเค้กคนไข้จีน

นางสาวปิยะฉัตร รัตนสุวรรณ นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ฝ่ายวิจัยประเมินภาพรวมกำไรปกติหุ้นโรงพยาบาล งวดไตรมาส 4/2565 ทั้งหมด 10 บริษัท

ได้แก่ บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) ,บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS), โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH), โรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG), บมจ.เอกชัยการแพทย์ (EKH), โรงพยาบาลพระรามเก้า (PR9), โรงพยาบาลราชธานี (RJH), บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG), โรงพยาบาลวิภาวดี (VIBHA) และบมจ.เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม (KLINIQ)

โดยคาดการณ์ว่าจะลดลงเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า (QOQ) แต่กลุ่ม Reopening อย่าง BDMS, BH และ PR9 จะลดลงน้อยกว่าโรงพยาบาลอื่น สาเหตุเกิดจากปัจจัยฤดูกาล (sesonal) เพราะมีการบันทึกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ รวมไปถึงการจ่ายโบนัสพนักงาน และประกอบกับไม่มีรายได้โควิดและวัคซีนเข้ามา จากไตรมาส 3/2565 ที่มีรายได้ส่วนนี้อยู่

ขณะที่หากเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) กำไรปกติของกลุ่ม Reopening จะโตเป็นบวกได้ แต่กลุ่ม Covid play ยังเป็นภาพติดลบกว่า 70-80% ทั้งนี้ เนื่องด้วยกลุ่ม Reopening มีแรงหนุนจากรายได้คนไข้ต่างชาติเติบโตขึ้นมาก แต่กลุ่ม Covid play รายได้โควิดหดตัวแรง

นางสาวปิยะฉัตรกล่าวว่า คาดว่ากำไรปกติ 10 บริษัท ในปี 2565 ทั้งปี จะอยู่ที่ 29,519 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 25,051 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มในปี 2566 คาดว่าจะอยู่ที่ 25,894 ล้านบาท

ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรปกติกลุ่ม Reopening น่าจะโตได้ YOY โดย BDMS จะมีกำไรอยู่ที่ 14,017 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% และ BH จะมีกำไร 5,678 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% และ PR9 จะมีกำไร 1,845 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% ส่วนภาพกลุ่ม Covid play จะติดลบกว่า 30-60% (ดูตาราง)

ตาราง คาดการณ์กำไรหุ้นรพ.

“ปัจจุบัน BH มีสัดส่วนรายได้จากลูกค้าต่างชาติมากที่สุด 65-70% รองลงมาคือ BDMS อยู่ที่กว่า 30% และ PR9 มีสัดส่วน 15-16% อย่างไรก็ดี ในปีนี้จีนเปิดประเทศทำให้โรงพยาบาลที่มีคนไข้จีนเยอะจะได้ประโยชน์ด้วย นั่นคือ EKH ซึ่งมีสัดส่วนรายได้คนไข้จีนอยู่กว่า 20% ในช่วงก่อนโควิด รวมไปถึงทาง BDMS แม้ตอนนี้สัดส่วนคนไข้จีนไม่มาก แต่มีแผนจะขยายตลาดจีนมากขึ้น”

นางสาวปิยะฉัตรกล่าวอีกว่า ปัจจัยเสี่ยงของธุรกิจโรงพยาบาลที่จะกดดันรายได้คือ ภาวะการแข่งขัน เช่น ตัดราคา, มีคู่แข่งเข้ามาแย่งตลาด เป็นต้น รวมไปถึงการควบคุมต้นทุนและกรณีเกิดการระบาดของโควิดรอบใหม่จนทำให้มีคนเสียชีวิตจำนวนมาก

“กลยุทธ์ลงทุน ภาพระยะสั้น เนื่องจากราคามีการเล่นเก็งกำไรเกี่ยวกับงบฯ ไปแล้ว ฉะนั้น ถ้างบฯ ไม่ได้ออกมาเซอร์ไพรส์ตลาดราคาจะอ่อนตัวลง แต่ภาพระยะยาวยังเป็นการลงทุนที่น่าสนใจ เพราะมีแรงหนุนจากจีนเปิดประเทศ ผู้ป่วยต่างชาติกลับมารักษาตัว และสำนักงานประกันสังคมน่าจะมีโอกาสปรับค่าบริการที่จ่ายให้โรงพยาบาลประกันสังคมเพิ่มขึ้น”

นายภูวดล ภูสอดเงิน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ในปี 2566 คงเป็นปีของโรงพยาบาลที่รับคนไข้ต่างชาติ ซึ่งจริง ๆ เห็นสัญญาณฟื้นตัวมาแล้วตั้งแต่กลางปี 2565 จากกลุ่มคนไข้ตะวันออกกลางและซาอุดีอาระเบียเข้ามารักษาตัว จนทำให้ BH ทำนิวไฮได้

ส่วนปีนี้จะเหลือคนไข้จีนที่จะทยอยเข้ามา แต่คงยังไม่ได้เป็นการรักษาโรคหนักมาก ถ้าเทียบกับช่วงก่อนโควิด ส่วนใหญ่จะมาใช้บริการเวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-aging) หรือการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) โดยคาดว่าโรงพยาบาลที่จะได้ประโยชน์สุด คือ EKH และ BCH ส่วนโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ก็ได้ประโยชน์ตรงนี้ แต่ไม่มาก อย่างไรก็ดี ต้องติดตามแผนการขยายตลาดจีนต่อไป

“ปีนี้ธุรกิจคงเป็นการฟื้นตัว แต่ไม่ได้แรงเหมือนปีที่แล้ว จากในแง่คนไข้ต่างชาติที่กลับมารักษาตัวและคนไข้คนไทย แต่ความน่าสนใจอาจจะกลับมาโฟกัสโรงพยาบาลขนาดกลางอย่าง BCH, CHG เพราะมูลค่าหุ้น (valuation) ที่ยังไม่สูงมาก ถ้าเทียบโรงพยาบาลขนาดใหญ่

ดังนั้นในเชิงสะสมก็ให้น้ำหนักกลุ่มนี้มากขึ้น ปีนี้น่าจะถูกหยิบกลับมาเล่นสลับกับโรงพยาบาลขนาดใหญ่ในช่วง 6 เดือนข้างหน้านี้ได้ เพราะอาจมองว่ากลุ่มนี้ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ซึ่งฐานรายได้จะเป็นฐานใหม่ โดยต้องติดตามแผนการขยายโรงพยาบาลใหม่ และค่าหัวประกันสังคมที่ไม่ได้ปรับขึ้นมาสักระยะหนึ่งแล้วจะได้อานิสงส์ตรงนี้เพิ่มขึ้น”

นายภูวดลกล่าวว่า ฝ่ายวิจัยประเมินกำไรปกติ BDMS, BH, BCH และ CHG ในปีนี้รวมกันอยู่ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท ลดลง 9% YOY ผลจากปีที่แล้วกลุ่มโรงพยาบาลขนาดกลางฐานสูงจากรายได้โควิด ส่วนโรงพยาบาลขนาดใหญ่ฐานรายได้เริ่มยกตัวขึ้นมาแล้ว ทำให้ปีนี้จึงไม่น่าจะโตสูงมาก