กลุ่มทรูเปิดผลงานปี’65 ขาดทุนยับ 1.8 หมื่นล้าน เร่งควบรวมแล้วเสร็จภายใน มี.ค.

ทรู

กลุ่มทรู แจ้งงบฯ ปี 2565 ขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท ลดลงมากกว่า 20% จากงวดเดียวกันปีก่อน ชี้เกิดจากหลายปัจจัย รวมถึงการเร่งตัดขายทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้ในบริษัทใหม่ออก มั่นใจหลังควบรวมกิจการภาพรวมบริษัทดีขึ้น คาดกระบวนการจบภายในไตรมาสแรกนี้

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUEE นำส่งงบการเงินและงบการเงินรวมของบริษัท ประจำปี 2565 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีแล้ว ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วานนี้ โดยผลการดำเนินงานรวมของบริษัทและบริษัทย่อย ปรากฏผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัท จำนวน 18,285.20 ล้านบาท ซึ่งเปลี่ยนแปลงในอัตราที่สูงกว่าร้อยละ 20 จากผลการดำเนินงานสุทธิในงวดเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ กลุ่มทรูมีรายได้รวม 135,076 ล้านบาท และรายได้จากการให้บริการ 103,845 ล้านบาท ซึ่งลดลง 2.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากแรงกดดันทางเศรษฐกิจซึ่งมีผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคและการแข่งขันในตลาด แม้ฐานผู้ใช้บริการจะเติบโต ส่งผลให้ EBITDA อ่อนตัวลงมาที่ 52,804 ล้านบาท ในขณะที่มาตรการด้านการควบคุมต้นทุนยังดำเนินอยู่อย่างเข้มงวด ท่ามกลางต้นทุนด้านพลังงานและสาธารณูปโภคที่ปรับตัวขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายพิเศษที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการ

ขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทเป็นจำนวน 18,285 ล้านบาทในปี 2565 สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2564 จากค่าเสื่อมราคาโครงข่ายและค่าตัดจำหน่ายคลื่นความถี่ที่เพิ่มขึ้น เพื่อสนับสนุนการขยายโครงข่ายและการให้บริการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 1.2 พันล้านบาท และค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นประจำประมาณ 8.5 พันล้านบาทในไตรมาส 4

อาทิ การตัดจำหน่ายสินทรัพย์ที่มีความซ้ำซ้อน หรือคาดว่าจะไม่ได้ใช้ในบริษัทใหม่ที่จะเกิดขึ้นภายหลังการควบรวมกิจการ การด้อยค่าของค่าความนิยม และผลกระทบจากการประเมินมูลค่าประจำปีของหน่วยลงทุน DIF

กลุ่มทรูชี้ว่าปี 2565 เป็นอีกหนึ่งปีที่บริษัทยังคงเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพและการใช้จ่ายของผู้บริโภคและภาคธุรกิจ แม้จะเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นจากโรคระบาดที่บรรเทาลง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างช้า ๆ และการกลับมาของนักท่องเที่ยว

ปัจจัยภายนอกเหล่านี้ รวมถึงการแข่งข้นในอุตสาหกรรมและค่าใช้จ่ายพิเศษที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมบริษัทที่กำลังจะเกิดขึ้น อาทิ การตัดจำหน่ายสินทรัพย์ที่มีการซ้ำซ้อน หรือคาดว่าจะไม่ได้ใช้ในบริษัทใหม่ กดดันผลประกอบการของกลุ่มทรูในปี 2565 ที่ผ่านมา

การควบรวมกิจการซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในตรมาส 1 ปี 2566 เป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้ทรูเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีที่สามารถเผชิญกับความท้าทายทั้งในประเทศและในตลาดโลก เพิ่มขีดความสามารถในการลงทุนสำหรับโครงข่ายรุ่นถัดไป ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อสร้างการเติบโตแบบยั่งยืน และเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน รวมถึงเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันการพัฒนาด้านดิจิทัลของประเทศไทย

การควบรวมกิจการครั้งนี้จะช่วยเร่งสร้างมูลค่าที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยการนำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลายและตรงกับความต้องการของผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น และไปสู่ฐานลูกค้าที่ใหญ่กว่าเดิม อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำงานและทักษะของพนักงาน พร้อมข้อได้เปรียบด้านการประหยัดต่อขนาด รวมถึงการลดความซ้ำซ้อนและสามารถใช้โครงข่ายและสินทรัพย์ของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

สำหรับผู้บริโภคจะได้รับคุณภาพและประสบการณ์การใช้บริการที่ดียิ่งขึ้น และเป็นรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น รวมทั้งจะมีการนำเสนอข้อเสนอแบบเฉพาะเจาะจงที่ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้อย่างตรงจุด ในขณะที่ภาคธุรกิจจะสามารถเพิ่มศักยภาพผ่านโซลูชั่น บริการ และการเชื่อมต่อประสิทธิภาพสูงด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย

ทั้งนี้ บริษัทจะมุ่งมั่นในการสร้างประโยชน์ให้แก่ผู้มีสวนได้เสียของบริษัท พร้อมมุ่งเน้นรักษาวินัยทางการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน ทรูพร้อมอย่างเต็มที่ในการสนับสนุนประเทศไทยให้นำหน้าในยุคดิจิทัล สอดรับกับยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0