อลิอันซ์ฯ รุก M&A หวังขึ้นท็อป 5 ประกันวินาศภัยในไทย

ลาร์ส ไฮบุทสกี้

“อลิอันซ์อยุธยาประกันภัย” ขึ้นท็อป 8 ประกันวินาศภัย หลังควบรวมกิจการ “เอ็ทน่าประเทศไทย” เรียบร้อย ตั้งเป้าปี 2566 โกยเบี้ยรับรวม 1.02 หมื่นล้านบาท เติบโต 9% ดันประกันสุขภาพขยับเบอร์ 2 ของตลาด พร้อมแบะท่าไม่ปิดโอกาส M&A รอบใหม่ หวังขึ้นท็อป 5 ลั่นไทยเป็นตลาดสำคัญของกลุ่มอลิอันซ์ฯ

นายลาร์ส ไฮบุทสกี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ AAGI เปิดเผยว่า บริษัทและบริษัทเอ็ทน่าประเทศไทย (Aetna) ได้ดำเนินการควบรวมกิจการสำเร็จและได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 เป็นวันแรกที่ได้ดำเนินกิจการภายใต้บริษัทใหม่ มีฐานลูกค้ารวมกัน 1.1 ล้านราย และมีพนักงาน 1,500 คน

โดยบริษัทตั้งเป้าในปี 2566 เบี้ยรับรวมโตขึ้น 9% ที่ 10,200 ล้านบาท มาจากพอร์ตประกันรถยนต์ (motor) สัดส่วน 32% พอร์ตประกันที่ไม่ใช่รถ (non-motor) สัดส่วน 34% และพอร์ตประกันสุขภาพอีก 34% ซึ่งพอร์ตประกันสุขภาพ จะขยับเป็นอันดับ 2 ของตลาด

“สถานการณ์ธุรกิจประกันภัยในปีนี้ ประเมินว่าน่าจะปรับตัวดีขึ้นจากปีที่แล้วที่โดนกดดันจากโควิดและเงินเฟ้อที่สูงอย่างไรก็ตาม ปัจจัยสงครามรัสเซียยูเครนยังเป็นปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวังอยู่ เพราะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นและกระทบต่อธุรกิจประกันภัยตามมา รวมถึงยังไม่ชัดว่าเงินเฟ้อในยุโรปและอเมริกาจะควบคุมได้จริงหรือไม่ด้วย ซึ่งจะมีผลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยด้วย”

ทั้งนี้ สิ้นปี 2565 ที่ผ่านมา มาร์เก็ตแชร์ของบริษัทขึ้นมาอยู่ในอันดับ 8 ของอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยไทย จากเดิมอยู่อันดับ 11 มีเบี้ยรับรวมอยู่ที่ 9,400 ล้านบาท แยกเป็นเบี้ยของอลิอันซ์อยุธยาประกันภัย 6,700 ล้านบาท เติบโต 17% เมื่อเทียบจากปีก่อนหน้า (YOY) แบ่งเป็น เบี้ยประกันรถยนต์ 3,200 ล้านบาท โตขึ้น 30% และเบี้ยน็อนมอเตอร์อีกกว่า 3,400 ล้านบาท โตขึ้น 7% ส่วนเบี้ยรับรวมของเอ็ทน่าฯ อยู่ที่ 2,700 ล้านบาท ในขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมโตอยู่ 3.6% ในปีที่ผ่านมา

ซึ่งยอดขายในปีนี้ จะมาจาก 4 ช่องทางขายหลัก คือ 1.ช่องทางตัวแทนและโบรกเกอร์ สัดส่วน 33% ซึ่งมีสาขากว่า 30 แห่งทั่วประเทศ 2.ช่องทางพันธมิตร เช่น ธนาคารกรุงศรี, เช่าซื้อและลีสซิ่ง สัดส่วน 29% 3.ช่องทางขายตรงสำหรับประกันสุขภาพ สัดส่วน 29% ซึ่งถือเป็นช่องทางขายใหม่ที่แข็งแกร่งจากทางเอ็ทน่าฯ และ 4.ช่องทางธุรกิจสำหรับลูกค้าองค์กร สัดส่วนอีก 9% โดยปีนี้จะโฟกัสลูกค้ารายย่อยและเอสเอ็มอี คาดหวังเพิ่มฐานลูกค้าใหม่อีก 9-10%

“ตอนนี้โปรดักต์และช่องทางขายของเราค่อนข้างครบ โดยกลยุทธ์ในปีนี้จะมุ่งเน้นสินค้าประกันสุขภาพ และเน้นลงทุนด้านเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมเพื่อเข้ามาช่วยลูกค้า”

ปัจจุบันบริษัทมีสินทรัพย์รวมสูงกว่า 10,700 ล้านบาท และมีเงินทุนสำรองตามระดับความเสี่ยง (RBC) กว่า 365% สูงกว่าเกณฑ์ คปภ.กำหนดไว้ 225% เพียงพอต่อการขับเคลื่อนธุรกิจให้โต โดยก่อนหน้านี้ในปี 2562 บริษัทได้ควบรวมกับ บมจ.ศรีอยุธยา เจนเนอรัล ประกันภัย (SAGI)

“ในอนาคตถ้ามีโอกาสอื่น ๆ เข้ามา เราก็ยังมีแผน M&A เพื่อขยับมาร์เก็ตแชร์ไปสู่ท็อป 5 เพราะประเทศไทยหรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นตลาดที่สำคัญมากสำหรับกลุ่มอลิอันซ์ฯ”