TQM ส่ง 3 บริษัทลูกเรียงคิวเข้าตลาดหุ้น

TQM

TQM กางแผนธุรกิจ 3 ปี ตั้งเป้าโกยรายได้โต 5-10% ปีนี้ทุ่มกว่า 500 ล้านบาท ปิดดีล M&A-ร่วมทุนในกิจการหนุนธุรกิจประกัน 2-3 ราย ปักธง 3 ปีนำบริษัทลูกเข้าตลาดหุ้นปีละบริษัท

นายอัญชลิน พรรณนิภา ประธานบริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) หรือ TQM เปิดเผยว่า แผนธุรกิจของกลุ่มทีคิวเอ็ม ช่วง 3 ปีจากนี้ (2566-2568) คาดว่าจะมีรายได้รวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 5-10%

โดยมาจากรายได้ธุรกิจประกันภัยมากกว่า 50% และที่เหลือมาจากรายได้ธุรกิจการเงินและธุรกิจเทคโนโลยีแพลตฟอร์ม โดยปัจจุบันนี้มีบริษัทในเครืออยู่ทั้งหมด 14 บริษัท

ซึ่งตามแผนงานในปีนี้จะมุ่งเน้นผ่าน 7 กลยุทธ์สำคัญ คือ 1.การหาพันธมิตรที่มีศักยภาพ 2.การปรับคู่แข่งทางธุรกิจมาเป็นพาร์ตเนอร์ 3.การทรานส์ฟอร์มเทคโนโลยีแพลตฟอร์ม 4.การขับเคลื่อนด้วยข้อมูล 5.การพัฒนาคนและสร้างวัฒนธรรมองค์กร

6.การตอบโจทย์ลูกค้าหนึ่งคนให้ได้รับบริการผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ทั้งการประกันภัยและการเงินอื่น ๆ และ 7.การซื้อกิจการ (M&A) ซึ่งตอนนี้บริษัทกำลังอยู่ระหว่างปิดดีล M&A และการร่วมทุน (JV) ในธุรกิจที่สนับสนุนธุรกิจประกันภัยอีก 2-3 ราย เงินลงทุนกว่า 500 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยปีละ 1 บริษัท ในช่วง 3 ปีต่อจากนี้ โดยในปี 2567 จะเสนอขายหุ้นไอพีโอ บริษัท ทรู ไลฟ์ โบรกเกอร์ จำกัด จากนั้นปี 2568 เป็นบริษัท อีซี เลนดิ้ง จำกัด และบริษัท บิ้ลค์ วัน กรุ๊ป จำกัด ที่มีแผนเข้าตลาดหุ้นในปี 2569

“ปีนี้กลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ของเราจะเริ่มสร้างรายได้ให้กับกลุ่มชัดเจน โดยในช่วง 5 ปี ตั้งแต่ TQM ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย สามารถสร้างอัตราการเติบโตของพอร์ตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ได้กว่า 10.32% ปิดสิ้นปี 2565 ที่ผ่านมา เรามีรายได้รวมกว่า 3,727 ล้านบาท”

นางนภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TQM กล่าวว่า ปีนี้กลุ่มธุรกิจประกันภัยตั้งเป้ายอดขายจากเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 30,000 ล้านบาท เติบโตกว่า 10% พอร์ตประกันรถยนต์ยังคงเป็นรายได้หลักของกลุ่ม มีสัดส่วน 69% และที่เหลือมาจากพอร์ตน็อนมอเตอร์อีก 23% โดยพอร์ตประกันภัยบ้านคาดว่าจะมีอัตราเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักได้

“สำหรับทรู ไลฟ์ โบรกเกอร์ มีความโดดเด่นจากตลาดงานกลุ่มข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งทำกำไรได้ทุกปี ตอนนี้เรากำลังร่วมมือพัฒนาโปรดักต์ใหม่ เพื่อเจาะลูกค้ารายย่อยมากขึ้น ทั้งนี้ ตามแผน IPO พอร์ตของบริษัทนี้จะมีรายได้รวมอยู่ประมาณ 200 ล้านบาท โดยจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai”

นางสาวสมพร อำไพสุทธิพงษ์ ประธานบริหารบัญชีการเงิน TQM กล่าวว่า สำหรับอีซี เลนดิ้ง เปิดดำเนินธุรกิจมาได้ 1 ปี 2 เดือน โดยช่วงเดือน ต.ค. 2565 ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งมีกำไรตั้งแต่เริ่มดำเนินการ เพราะปล่อยสินเชื่อได้สูง 1,210 ล้านบาท โดยปีนี้มีแผนจะขยายสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อสวัสดิการ สินเชื่อข้าราชการ สินเชื่อ
จำนำทะเบียนรถ สินเชื่อ factoring และสินเชื่อเพื่อซื้อสินค้า ตั้งเป้า 3,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 150% จากปีก่อน

“ตามแผน IPO อีซี เลนดิ้ง จะมีพอร์ตสินเชื่อกว่า 5,000 ล้านบาท โดยจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ SET ด้วยขนาดมาร์เก็ตแคปประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเราค่อนข้างมั่นใจ เพราะในเดือน เม.ย.นี้ เราจะได้บอร์ดเพิ่มเข้ามา 1 ราย คือ นายชาติชาย พยุหนาวีชัย อดีตผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ซึ่งจะเข้ามาช่วยต่อยอดธุรกิจของเราให้โตตามแผนได้”

นายสุรัตน์ ประลองศิลป์ ประธานบริหารพัฒนาธุรกิจ TQM กล่าวว่า ส่วนธุรกิจเทคโนโลยีแพลตฟอร์ม ตามแผน IPO จะจดทะเบียนในตลาด mai มีรายได้รวมอยู่ประมาณ 300-500 ล้านบาท โดยจะมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีในการสร้างโปรดักต์และบริการใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องประกันภัยและการเงิน ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่เข้ามาเพิ่มเติม


“ปัจจุบันมี 4 บริษัท คือ 1.SureKrub เป็นดิจิทัลอินชัวรันซ์โบรกเกอร์ที่ขายประกันผ่านออนไลน์ 2.Buikone Group แพลตฟอร์มที่มีผู้รับเหมาก่อสร้าง และผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในประเทศเข้ามาใช้ระบบ ซึ่งสามารถต่อยอดโปรดักต์ประกันได้ 3.TQD ที่ปรึกษาในการสร้างนายหน้าประกัน และ 4.TQC บริการด้านเคลมสำหรับประกันสุขภาพและอุบัติเหตุที่มุ่งเน้นเทคโนโลยี” นายสุรัตน์กล่าว