บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ยื่นอุทธรณ์ไม่ผ่านเกณฑ์แล้วเกือบ 1 ล้านราย

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
แฟ้มภาพ

คลังเผยกว่า 7.6 ล้านราย ผ่านเกณฑ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้ว ขณะที่กว่า 9.53 แสนรายยื่นอุทธรณ์ไม่ผ่านเกณฑ์ แจง “ผู้พิการ-ป่วยติดเตียง-สูงอายุ” เตรียมเอกสาร 4 อย่าง มอบอำนาจผู้อื่นตรวจสอบสิทธิ-ยื่นอุทธรณ์แทนได้

วันที่ 13 มีนาคม 2566 นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการยืนยันตัวตนของผู้ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ ตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 ณ วันที่ 13 มีนาคม 2566 เวลา 14.00 น. มีผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จจำนวนทั้งสิ้น 7,653,680 ราย

สำหรับจำนวนผู้ยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการ ณ วันที่ 13 มีนาคม 2566 เวลา 14.00 น. จำนวนทั้งสิ้น 953,223 ราย โดยสามารถขออุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติได้ 2 ช่องทาง ได้แก่

ขออุทธรณ์ด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ถึง 23.00 น.ของทุกวัน หรือขออุทธรณ์ผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

สำนักงานคลังจังหวัดทุกจังหวัด ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร และศาลาว่าการเมืองพัทยา ตามวันและเวลาทำการของแต่ละหน่วยงาน

โดยในเดือนมีนาคม 2566 ผู้ลงทะเบียนสามารถขอตรวจสอบผลการพิจารณาคุณสมบัติและขออุทธรณ์ได้ที่สำนักงานคลังจังหวัดทุกจังหวัดได้ทุกวัน รวมวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.

เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 11 มีนาคม 2566 สำหรับผู้ผ่านเกณฑ์สามารถไปยืนยันตัวตนได้ที่ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ได้ทุกวัน รวมวันเสาร์-อาทิตย์ โดยสาขาทั่วไป ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. และสาขาในห้างสรรพสินค้าตั้งแต่เวลา 11.00-16.00 น.

โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวว่า สำหรับผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเดินทางมายืนยันตัวตนได้ด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการตรวจสอบสิทธิ และ/หรืออุทธรณ์ได้ โดยจะต้องเตรียมเอกสาร ดังนี้

  1. บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ลงทะเบียน (ผู้ได้รับสิทธิ)
  2. บัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ
  3. หนังสือมอบอำนาจ (สามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th)
  4. บัตรประจำตัวคนพิการ (ถ้ามี) หรือใบรับรองแพทย์ (ถ้ามี)

เมื่อผู้ผ่านเกณฑ์ยืนยันตัวตนเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะสามารถตรวจสอบสถานะการยืนยันตัวตนของตนเองผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ในวันถัดไป หรือติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่หน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน หรือโทรศัพท์สอบถามได้ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ ผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยังไม่มีบัญชีธนาคารจะต้องเปิดบัญชีธนาคารและผูกบัญชีพร้อมเพย์กับหมายเลขประจำตัวประชาชน โดยสามารถเปิด “บัญชีพื้นฐาน” ซึ่งเป็นบัญชีเงินฝากที่ไม่กำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำในการเปิดบัญชี ทั้งนี้ ประเภทบัญชีดังกล่าวเป็นการให้บริการเฉพาะผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไป

โดยผู้ที่ประสงค์จะเปิดบัญชีดังกล่าวสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อเปิดบัญชีได้จากธนาคารออมสิน ธ.ก.ส. และธนาคารพาณิชย์ทั้ง 14 แห่งทุกสาขาทั่วประเทศ

โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวย้ำว่า หากผู้ผ่านเกณฑ์ดำเนินการยืนยันตัวตนภายในวันที่ 1-26 มีนาคม 2566 และตรวจสอบพบว่า ผ่านการยืนยันตัวตน (e-KYC) จะสามารถใช้สิทธิสวัสดิการผ่านบัตรประจำตัวประชาชนได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 แต่หากผู้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติยืนยันตัวตนหลังวันที่ 26 มีนาคม 2566 จะได้ใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐได้ตามวันที่กระทรวงการคลังกำหนด

สำหรับผู้ได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐปัจจุบันจะสามารถใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2566 เท่านั้น

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th